โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ นำที่ดินโฉนดมาขายให้โจทก์โดยให้คำมั่นว่าจะไม่ขายให้ใครใน ๓ ปี เมื่อราคาที่ดินถึง ๒๐,๐๐๐ บาทแล้ว จำเลยที่ ๑ จะโอนให้โจทก์ ๆ จึงชำระราคาแล้ว ๖,๕๐๐ บาท โดยจำเลยที่ ๑ ทำเป็นสัญญากู้เงินไว้ให้และมอบโฉนดกับที่ดินให้โจทก์ครอบครอง ต่อมาจำเลยผิดสัญญาเอาไปโอนขายให้จำเลยที่ ๒ โดยสมคบกันทำยอมความในคดีแดงที่ ๘๐/๒๕๐๑ จึงฟ้องขอให้เพิกถอนและยังคับให้จำเลยที่ ๑ โอนที่ดินให้โจทก์และรับชำระราคาที่เหลือ
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าได้กู้เงินมารดาโจทก์ไปและมอบที่ดินให้ทำต่างดอกเบี้ย จำเลยพร้อมที่จะใช้เงินกู้ ส่วนจำเลยที่ ๒ ให้การว่าได้ซื้อไว้โดยสุจริต และเสียค่าตอบแทน
คู่ความรับรองสัญญารายพิพาท
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญานี้กรอกข้อความลงในแบบพิมพ์สัญญากู้เงินว่าจำเลยที่ ๑ กู้เงินโจทก์ไป ๖,๕๐๐ บาท และจำเลยที่ ๑ นำโฉนดให้โจทก์ยึดไว้เป็นประกันและมีข้อความเพิ่มเติมว่า ?ที่ดินแปลงนี้จะขายให้กับเจ้าของเงิน จะไม่ยอมขายให้ใคร คือภายใน ๓ ปีตามราคา ๒๐,๐๐๐ บาทถ้วน ถึงราคา ๒๐,๐๐๐ บาทจึงจะขายให้ ถึงราคา ๒๐,๐๐๐ บาทก็จะโอนให้? และด้านหลังมีผู้อื่นทำสัญญาค้ำประกันเงินกู้รายนี้ ดังนี้ เป็นเรื่องกู้เงินโจทก์แล้วมอบโฉนดเป็นประกัน ไม่มีลักษณะเป็นสัญญาจะซื้อขาย ข้อความเพิ่มเติมนั้นเป็นเพียงคำปรารภของจำเลยที่ ๑ ฝ่ายเดียว มิใช่มุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ จึงไม่ใช่คำมั่นหรือสัญญาจะขายที่ดิน
พิพากษายืน