โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานรับราชการตำแหน่งพัสดีเรือนจำจังหวัดสตูล จำเลยได้รับมอบเงินค่าจ้างแรงงานผู้ต้องขังปลูกสร้างบ้านพักปลัดจังหวัดสตูลเป็นเงิน ๕,๐๐๐ บาท กับค่าทำประตูและรางน้ำรอบศาลากลางจังหวัดสตูลเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๗,๐๐๐ บาท จำเลยนำส่งเป็นผลประโยชน์ของเรือนจำจังหวัดสตูลเพียง ๑,๐๐๐ บาทเท่านั้น เงินนอกนั้นจำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอกเอาไปเป็นประโยชน์ตนเสีย ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๑๓๑,๑๓๒ ฯลฯ
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๑๓๑ ให้จำคุก ๒ ปี กับให้ใช้เงิน ๔,๐๐๐ บาทให้เรือนจำนอกนั้นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ได้ความว่า ข้อหลวงประจำจังหวัดซึ่งเป็นผู้บัญชาการเรือนจำด้วย ได้จัดการสร้างบ้านพักปลัดจังหวัดสตูลขึ้นหนึ่งหลัง โดยใช้เงินรายได้พิเศษที่ทางจังหวัดหามาได้ มิได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน ได้ใช้แรงผู้ต้องขังในเรือนจำมาทำการปลูกสร้าง อยู่ในความดูแลควบคุมของข้าหลวงประจำจังหวัดและจำเลยซึ่งเป็นพัสดี เมื่อทำเสร็จแล้ว จำเลยทำบันทึกแรงงานผู้ทำงานเสนอ ข้าหลวง ฯ สั่งให้จ่ายเงินพิเศษของจังหวัดเป็นเงิน ๕,๐๐๐ บาท โดยให้ส่งเป็นรายได้เรือนจำเพียง ๑,๐๐๐ บาท อีก ๔,๐๐๐ บาทให้จ่ายเป็นรางวัลแก่ผู้คุม ผู้เขียนแบบแปลนและเป็นรางวัลแก่นักโทษผู้ไปทำงานเป็นพิเศษ การสั่งจ่ายนี้ได้ปรึกษาร่วมกับจำเลยและเสมียนตราจังหวัดแล้ว จำเลยจึงจัดส่งเงินเป็นรายได้ของเรือนจำ ๑,๐๐๐ บาท อีก ๔,๐๐๐ บาท ได้จ่ายให้แก่ผู้เกี่ยวข้องตามที่สั่ง ส่วนเงิน ๒,๐๐๐ บาท ค่าทำประตูและรางน้ำศาลากลางนั้นก็ได้ความว่า จำเลยนำไปซื้อปูนซิเมนต์ปูนขาวและจ่ายค่าอาหารกลางวันเลี้ยงผู้มาทำงานจนหมด ไม่มีเงินเหลือที่จะจ่ายค่าแรงงานเลย ดังนี้ศาลฎีกาเห็นพ้องกับข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยมิได้ทำการทุจริตยักยอกเงินรายนี้ดังกล่าวหา
เพราะข้าหลวงประจำจังหวัดซึ่งเป็นผู้บัญชาการเรือนจำมีอำนาจสั่งให้ผู้ต้องขังไปปลูกสร้างซ่อมแซมสถานที่ราชการที่ราชการของแผนกมหาดไทยโดยไม่ต้องจ้างได้ แม้จะฟังว่าการจ่ายเงินเป็นการฝ่าฝืนกฎกระทรวงมหาดไทย ข้อ ๕๖ ออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.๒๔๗๔ มาตรา ๕๘ ก็หาใช่เป็นเรื่องที่จำเลยเจตนากระทำการทุจริตผิดกฎหมายยักยอกเงินดังโจทก์ฟ้องไม่
จึงพิพากษายืน