ผู้ร้อง ยื่น คำร้องขอ และ แก้ไข คำร้องขอ ว่า ผู้ร้อง เป็น บุตรโดยชอบ ด้วย กฎหมาย ของ พันตรี สมชาย เฟื่องฟู ผู้ตาย และ นาง พนอ พลาวุฒิ แต่ ได้ หย่าขาด จาก กัน ผู้ตาย จึง ได้ จดทะเบียนสมรส กับ นาง ศรีนวล เฟื่องฟู เมื่อ วันที่ 29 กันยายน 2534 ผู้ตาย ได้ ถึงแก่ความตาย มี ทรัพย์มรดก ได้ แก่ บ้าน เงินฝาก ใน ธนาคาร ที่ดินและ ทรัพย์สิน อื่น ที่ ยัง หา ไม่พบ ผู้ตาย ไม่ได้ ทำ พินัยกรรม การ จัดการมรดก ขัดข้อง ผู้ร้อง ไม่เคย ถูก ศาล สั่ง ให้ เป็น บุคคล ไร้ความสามารถคนเสมือนไร้ความสามารถ หรือ บุคคล ล้มละลาย ขอให้ ตั้ง ผู้ร้องเป็น ผู้จัดการมรดก
ผู้คัดค้าน ยื่น คำคัดค้าน และ แก้ไข คำคัดค้าน ว่า ผู้คัดค้านเป็น ภริยา โดยชอบ ด้วย กฎหมาย ของ ผู้ตาย ที่ดิน ตาม คำร้องขอผู้ตาย ถือ กรรมสิทธิ์ ไว้ แทน ผู้คัดค้าน มิใช่ ทรัพย์มรดก ส่วน บ้าน ตามคำร้องขอ นั้น เป็น ของ ผู้คัดค้าน ผู้คัดค้าน ไม่ยินยอม ให้ ผู้ร้อง เป็นผู้จัดการมรดก ขอให้ ตั้ง ผู้คัดค้าน เป็น ผู้จัดการมรดก
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว มี คำสั่ง ตั้ง ผู้ร้อง และ ผู้คัดค้านร่วมกัน เป็น ผู้จัดการมรดก ของ ผู้ตาย ให้ มีสิทธิ และ หน้าที่ ตาม กฎหมาย
ผู้คัดค้าน อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
ผู้คัดค้าน ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า พิเคราะห์ แล้ว ข้อเท็จจริง ฟังได้ ว่าผู้ร้อง เป็น บุตร ของ ผู้ตาย ส่วน ผู้คัดค้าน เป็น ภริยา อีก คนหนึ่ง ของผู้ตาย เมื่อ วันที่ 29 กันยายน 2534 เจ้ามรดก ได้ ถึงแก่ความตาย โดยไม่ได้ ทำ พินัยกรรม ไว้ ผู้ร้อง และ ผู้คัดค้าน ต่าง อ้างว่า ตน เหมาะสมที่ จะ เป็น ผู้จัดการมรดก ของ ผู้ตาย มี ปัญหา ที่ ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกาของ ผู้คัดค้าน ว่า ผู้คัดค้าน เหมาะสม ที่ จะ เป็น ผู้จัดการมรดก ของ ผู้ตายเพียง ผู้เดียว จริง หรือไม่ เห็นว่า การ ตั้ง ผู้จัดการมรดก นั้น ศาล ย่อมใช้ ดุลพินิจ คำนึง ถึง ความเหมาะสม ประกอบ กับ พฤติการณ์ ที่ จะ ให้ ประโยชน์แก่ ทายาท และ กอง มรดก ด้วย ซึ่ง ข้อเท็จจริง ก็ ปรากฎ ว่า ผู้ร้องเป็น บุตร โดยชอบ ด้วย กฎหมาย ของ ผู้ตาย ส่วน ผู้คัดค้าน เป็น ภริยาอีก คนหนึ่ง ของ ผู้ตาย การ ที่ ผู้คัดค้าน อ้าง มา ใน ฎีกา ว่า ผู้ร้อง ไม่ได้อยู่ ใกล้ชิด กับ ผู้ตาย ไม่ทราบ ว่า มี ทรัพย์มรดก อะไร บ้าง ทั้ง ไม่ทราบเจตนา ของ ผู้ตาย ว่า ประสงค์ จะ ยก ทรัพย์มรดก ส่วน ใด ให้ แก่ ผู้ใดส่วน ผู้คัดค้าน อยู่ ใกล้ชิด กับ ผู้ตาย รู้ ว่า ทรัพย์มรดก อยู่ แห่ง ใดและ ทราบ ความ ประสงค์ ของ ผู้ตาย ว่า ต้องการ จะ ยก ทรัพย์มรดกส่วน ใด ให้ แก่ ผู้ใด นั้น เห็นว่า ข้ออ้าง ดังกล่าว ไม่ใช่เหตุ ผล ที่ แสดงถึง ความเหมาะสม ที่ ผู้คัดค้าน จะ เป็น ผู้จัดการมรดก แต่เพียง ผู้เดียวผู้ร้อง ไม่เป็น ผู้ต้อง ห้าม ตาม กฎหมาย ที่ จะ เป็น ผู้จัดการมรดก การ ให้ผู้ร้อง และ ผู้คัดค้าน ได้ จัดการ มรดก ร่วมกัน น่า จะ เป็น ประโยชน์ แก่ทายาท และ กอง มรดก มาก กว่า ให้ ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง จัดการ มรดกแต่เพียง ผู้เดียว ส่วน ที่ ผู้คัดค้าน ฎีกา ว่า ที่ดิน ตาม น.ส. 3 เลขที่683 ตำบล ทุ่งทอง และ บ้าน เลขที่ 78/91 หมู่ ที่ 5 ตำบล ท่าทราย ซึ่ง ผู้ร้อง อ้างว่า ใน คำร้อง ว่า เป็น ทรัพย์มรดก ของ ผู้ตาย ความจริงทรัพย์ ดังกล่าว ไม่ใช่ มรดก ของ ผู้ตาย นั้น เห็นว่า ทั้ง ผู้ร้อง และผู้คัดค้าน ต่าง ก็ อ้างว่า ตน สมควร เป็น ผู้จัดการมรดก ของ ผู้ตายและ ขอให้ ศาล ตั้ง ให้ ตน เป็น ผู้จัดการมรดก ของ ผู้ตาย เท่านั้น คดี ไม่มีประเด็น ว่า ทรัพย์สิน ใด เป็น มรดก ของ ผู้ตาย การ ที่ ผู้คัดค้าน ฎีกา ว่าทรัพย์สิน ดังกล่าว ไม่ใช่ มรดก ของ ผู้ตาย จึง เป็น เรื่อง นอกเหนือจาก คำขอ และ นอกประเด็น ศาลฎีกา ไม่รับ วินิจฉัย ที่ ศาลล่าง ทั้ง สองพิพากษา ต้อง กัน มา นั้น ชอบแล้ว ฎีกา ผู้คัดค้าน ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน