โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีไม้สักอันเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. แปรรูปแล้ว จำนวน 95 ชิ้น ปริมาตร 0.019 ลูกบาศก์เมตร ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบญัญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73,74 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 17 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 116 ข้อ 4 และริบไม้ของกลาง
จำเลยให้การรับว่ามีไม้ของกลางไว้ในความครอบครอง แต่เป็นเครื่องใช้สำเร็จรูป มีไว้ไม่ผิดกฎหมาย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าไม้ของกลางเป็นเครื่องใช้สำเร็จรูปพ้นสภาพจากการเป็นไม้แปรรูปแล้ว จำเลยมีไว้ในความครอบครองไม่เป็นความผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า ไม้ของกลางเป็นไม้แปรรูป พิพากษากลับเป็นว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 17 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 116 ลงวันที่ 10 เมษายน 2515 ข้อ 4 ให้จำคุก 6 เดือน ริบของกลาง
จำเลยฎีกา
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ไม้ของกลางเป็นไม้สักตัดเป็นแผ่นเล็ก ๆ รวม 95 ชิ้นปริมาตรเนื้อไม้รวมกันเพียง 0.019 ลูกบาศก์เมตร ไม้เหล่านี้ตัดเป็นรูปคล้ายค้างคาว 50 ชิ้น คล้ายปลา 45 ชิ้น ตรงกลางขุดเซาะเป็นแอ่ง คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าไม้ของกลางเหล่านี้ได้พ้นจากสภาพไม้แปรรูปมาเป็นเครื่องใช้หรือยัง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ไม้ของกลางตัดและขุดเป็นรูปหยาบ ๆ ยังไม่เป็นรูปสัตว์ และดูไม่ออกว่าทำเป็นภาชนะใส่อะไร ไม่ได้ตกแต่งตามรอยตัด ไม่ละเหลี่ยมมีเสี้ยนและรอยสิ่ว รอยมีด ไม่ขัดทาน้ำมัน ลักษณะดังนี้ถือได้ว่ายังไม่เป็นไม้แปรรูปอยู่และยังไม่เป็นภาชนะใส่อาหารตั้งบนโตกดังที่จำเลยต่อสู้ จำเลยมีไม้ของกลางไว้ในความครอบครองจึงเป็นความผิดตามฟ้อง
สำหรับโทษที่จะลงแก่จำเลยนั้น จำเลยฎีกาขอให้รอการกำหนดโทษหรือรอการลงโทษ เห็นว่าไม้ของกลางมีจำนวนเล็กน้อย ทั้งจำเลยก็ได้ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน สมควรรอการลงโทษให้จำเลย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์