ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนี้เมื่อวันที่ ๑๖ ต.ค. ๒๕๐๒ ห้ามไม่ให้จำเลยและบริวารเข้าขัดขวางการทำนาแปลงนี้ และให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้อง เมื่อวันที่ ๑๓ พ.ย. ๒๕๐๒ ขอฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนวันที่ ๗ ธ.ค. ๒๕๐๓ ถึงวัดนัดจำเลยแถลงต่อศาลว่า พยานจำเลยมาศาลไม่ครบ แต่จำเลยเห็นว่า เพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยากจำเลยจะนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระเพื่อฟ้องอุทธรณ์ แต่ขอผัดผ่อนไป ๑๕ วัน โดยขอให้ศาลขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้โจทก์แถลงว่า แล้วแต่ศาล ศาลสั่งอนุญาตให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลใน ๑๕ วัน พอครบ ๑๕ วัน จำเลยยื่นคำแถลงว่า หาเงินค่าธรรมเนียมไม่ได้ ขอให้ศาลไต่สวนพยานเรื่องอนาถาต่อไป ศาลสั่งว่า เป็นเรื่องที่จำเลยสมัครใจขอวางเงินค่าธรรมเนียมต่อศาลในกำหนด ศาลอนุญาตแล้วคำขอที่จำเลยขอฟ้องอนาถาจึงยุติลง ไม่มีทางจะให้ไต่สวนอีก จึงให้ยกคำร้อง
ต่อมาอีก ๒ วัน นายจำปาจำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยมิได้สมัครใจขอชำระค่าธรรมเนียมภายในกำหนดเลย แต่เมื่อศาลสั่งให้พยายามหาเงินมาชำระค่าธรรมเนียม จำเลยก็วิ่งเต้นหาเงินแต่ไม่ได้ จำเลยเป็นคนยากจนอนาถาจริง ดๆ ขอให้ศาลพิจารณาคำร้องขอฟ้องอุทธรณ์อนาถาใหม่ และอนุญาตให้จำเลยนำพยานมาให้ศาลไต่สวนอนาถาต่อไป ศาลสั่งแล้ว ไม่มีเหตุจะเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ให้ยกคำร้อง
นายจำปาจำเลยอุทธรณ์ ขอให้สั่งศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอฟ้องอุทธรณ์อนาถาของจำเลยต่อไปและ ขอให้ขยายอายุความอุทธรณ์ให้ด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น
นายจำปาจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแยกพิจารณาเป็น ๒ ตอน คือ
(๑) ตอนที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของจำเลยครั้งแรก ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยอ้างเหตุว่า เพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยากจึงขอเวลาไปหาเงินค่าธรรมเนียม ๑๕ วัน และขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ในกำหนดเดียวกัน ศาลจึงระงับการไต่สวนและสั่งอนุญาต ซึ่งต้องถือว่า จำเลยไม่ติดใจให้ไต่สวนคำร้องขออนาถาต่อไปแล้ว เมื่อจำเลยไม่นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายในกำหนดที่ศาลขยายเวลาให้ อุทธรณ์ของจำเลยก็ไม่เป็นอุทธรณ์ที่จะรับไว้พิจารณา อย่างไรก็ตามคำสั่งของศาลชั้นต้นในตอนนี้จำเลยมิได้อุทธรณ์ แต่จำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นแทนการอุทธรณ์ ขอให้พิจารณาคำร้องขอฟ้องอุทธรณ์อนาถาจำเลยใหม่อีกครั้งหนึ่ง คำสั่งของศาลชั้นต้นให้ตอนนี้จึงยุติไปแล้วตั้งแต่ในชั้นนั้น
(๒) ตอนที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของจำเลยครั้งหลังที่ขอให้พิจารณาคำร้องขออนาถา จำเลยอ้างว่า จำเลยขอให้พิจารณาใหม่ได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๕๖ วรรค ๔ ศาลฎีกาเห็นว่า ตามวรรค ๔ นั้น น่าจะหมายถึง เฉพาะในกรณีที่ศาลได้ไต่สวนคำร้องขออนาถาและมีคำสั่งไม่ให้อนาถาหรือให้อนาถาเพียงบางส่วนไปแล้ว ผู้ขออนาถาอาจยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่ได้ เท่านั้น ไม่ตรงกับกรณีในคดีนี้ซึ่งเป็นเรื่องที่มีผลเสมอด้วยขอถอนคำร้องขออนาถาไปแล้ว ครั้งหนึ่ง ต่อมากลับใจจะขออนาถาใหม่ภายหลังที่ขาดอายุความอุทธรณ์แล้วย่อมไม่มีผลที่ศาลจะพึงดำเนินการไต่สวนคำร้องดังกล่าวแต่ประการใด ไม่มีเหตุอันควรที่จำเลยจะมาร้องขอให้ศาลขยายอายุความอุทธรณ์ ในเมื่ออายุความอุทธรณ์ได้ขาดไปแล้ว กรณีเช่นนี้ไม่ใช่เป็นพฤติการณ์พิเศษ หรือมีเหตุสุดวิสัย