โจทก์ฟ้องว่าที่สวนยางเป็นของโจทก์กับสามี สามีโจทก์ตายจำเลยบุกรุกเข้ากรีดยางและเก็บผลไม้ โจทก์จึงฟ้องขอให้แสดงว่าโจทก์เป็นผู้ครอบครอง อย่าให้จำเลยเกี่ยวข้อง จำเลยให้การว่าจำเลยเป็นมารดาสามีโจทก์และได้ครอบครองที่อย่างเป็นเจ้าของเกิน ๑๐ ปี หากจะถือว่าเป็นมฤดกของสามีโจทก์ ก็ฟ้องเกิน ๑ ปีขาดอายุความ ข้อเท็จจริงได้ความว่าสวนมีส่วนซึ่งเป็นมฤดก ของสามีโจทก์จริง สามีโจทก์ตายที่บ้านจำเลย โจทก์ได้ครอบครองโดยส่วนตัวและโดยผู้รับมฤดกตกทอดส่วนของสามีโจทก์ต่อมา ๓-๔ เดือน โจทก์ออกประกาศขายสวน จำเลยไปร้องคัดค้านว่าเป็นของจำเลย หรือถ้าไม่ใช่ของจำเลยทั้งหมดก็มีส่วนในทางมฤดก ต่อมาจำเลยเข้าไปกรีดยางในสวน จึงเกิดเป็นคดีขึ้น
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังว่า ที่สวนรายนี้เป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับสามี และได้ครอบครองตลอดมาสามีโจทก์ตาย โจทก์ครอบครองผู้เดียว จำเลยไม่ได้ครอบครอง พิพากษาว่าที่เป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ชั้นฎีกาจำเลยไม่ได้โต้เถียงในข้อที่ว่า สวนรายนี้ไม่ใช่ของจำเลย จึงต้องฟังเป็นยุตติจำเลยเถียงแต่ว่าไม่ได้ละทิ้งเกิน ๑ ปี ไม่ควรถูกตัดสิทธิในส่วนมฤดกโดยอายุความ ซึ่งจำเลยเถียงมาแต่ต้นว่าสวนเป็นมฤดกของสามีโจทก์ วินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวแล้วแสดงว่า จำเลยไม่ได้ละทิ้งมฤดกเกิน ๑ ปี สวนรายนี้เป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับสามี เมื่อสามีโจทก์ตาย ส่วนของสามีโจทก์ก็เป็นมฤดกซึ่งโจทก์ยังจะมีส่วนได้อยู่อีก แต่ไม่ใช่ของโจทก์ทั้งหมดมีส่วนเป็นมฤดก ซึ่งจะต้องแบ่งระหว่างทายาท โจทก์ฟ้องอ้างว่าเป็นกรรมสิทธิของโจทก์ทั้งหมด มิได้ตั้งรูปคดีมาว่าเป็นมฤดกจึงต้องยกฟ้อง แต่ไม่ตัดสิทธิที่จะฟ้องขอแบ่งกันต่อไป
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง