คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2ให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ไม่ปรากฏว่าโจทก์มีโอกาสทราบถึงผลการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 2 ถือไม่ได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 นั้น จึงไม่ชอบ พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยที่ 2 ใหม่แล้วดำเนินการต่อไป
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ในปัญหาว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ซึ่งไม่ทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง โจทก์จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นได้ทันที ก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 อันเป็นเหตุให้คดีโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 เสร็จสิ้นไป จึงไม่ถือว่าเป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณาโจทก์จึงมีสิทธิอุทธรณ์ได้
ในปัญหาว่าโจทก์ทิ้งฟ้องเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 หรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำฟ้องว่า ให้โจทก์นำส่งสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกให้จำเลยโดยให้โจทก์นำส่งภายใน 7 วัน ถ้าส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 15 วันนับแต่วันส่งไม่ได้ หากไม่แถลงให้ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2527 พนักงานเดินหมายได้นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้จำเลยที่ 2 แต่ส่งไม่ได้จึงรายงานให้ศาลชั้นต้นทราบตามรายงานการเดินหมายฉบับลงวันที่ 22ตุลาคม 2527 ศาลชั้นต้นสั่งเมื่อวันที่ 31 เดือนเดียวกัน ว่ารอฟังโจทก์ ต่อมาวันที่ 9 พฤศจิกายน 2527 เจ้าหน้าที่ศาลได้รายงานต่อศาลว่า พ้นกำหนด 15 วัน นับแต่วันส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลยที่ 2 ไม่ได้แล้ว โจทก์ไม่มาแถลงเพื่อดำเนินคดี ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความ ตามคำแถลงโจทก์ฉบับลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2527 ที่ขอให้จัดส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยที่ 2 ใหม่นั้น ในคำแถลงดังกล่าวมีข้อความชัดว่าโจทก์ได้นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 2 ดังนั้น ต้องถือว่าโจทก์ได้ทราบถึงผลการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องว่าส่งไม่ได้ตั้งแต่วันที่19 ตุลาคม 2527 ซึ่งเมื่อนับจากวันที่ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่ได้จนถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2527 อันเป็นวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 นั้นเกิน15 วันแล้ว การที่โจทก์ไม่แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดถือได้ว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เพื่อการนั้นโดยชอบแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) จึงเป็นการทิ้งฟ้องแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำสั่งของศาลชั้นต้น.