โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336, 340 ตรี กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน จำนวน 30 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคห้า ประกอบด้วยมาตรา 340 ตรี ให้ลงโทษประหารชีวิต กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน จำนวน 30 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยเป็นคนร้ายที่กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า ขณะเกิดเหตุเวลากลางคืนแต่ภายในบ้านมีตะเกียงน้ำมันจุดไว้ ทำให้มีแสงสว่างพอที่จะมองเห็นกันได้ ผู้เสียหายเห็นจำเลยนุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ ไม่สวมเสื้อและในมือถืออาวุธปืนสั้นขู่บังคับเอาสร้อยคอของตน เมื่อนายสมบูรณ์สอบถามผู้เสียหายก็บอกว่าจำเลยมาเอาสร้อยคอไป นายสมบูรณ์ตามไปดูก็เห็นจำเลยแต่งกายตรงกับที่ผู้เสียหายบอก นอกจากนั้นขณะนางคล่องไปแจ้งความก็ระบุชื่อจำเลยว่าเป็นคนร้ายทันที พยานโจทก์ทั้งสามรู้จักจำเลยมาก่อนเพราะบ้านอยู่ใกล้บ้านจำเลย นายสมบูรณ์และผู้เสียหายเบิกความสอดคล้องต้องกันในสาระสำคัญแห่งคดีและเชื่อมโยงกับคำเบิกความของนางคล่อง พยานโจทก์ทั้งสามไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลย ไม่มีเหตุที่จะแกล้งเบิกความปรักปรำจำเลยให้ต้องรับโทษ แม้ขณะเกิดเหตุจะไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นขณะที่ผู้ตายถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง แต่พฤติการณ์ที่นายสมบูรณ์เห็นจำเลยถืออาวุธปืนสั้นเดินหนีออกไปทางหน้าบ้านแล้วผู้ตายถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงถึงแก่ความตาย จำเลยวิ่งหนีออกไป เหตุการณ์เกิดขึ้นในระยะกระชั้นชิดกับการชิงทรัพย์สร้อยคอของผู้เสียหาย ซึ่งไม่มีบุคคลอื่นใดอยู่ในบริเวณนั้น พฤติการณ์แห่งคดีเชื่อได้ว่าจำเลยเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจริง พยานหลักฐานโจทก์รับฟังได้โดยปราศจากข้ออันควรสงสัยว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องจริง ที่จำเลยนำสืบอ้างฐานที่อยู่ว่าไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้องไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น แต่ตามรูปคดีที่จำเลยกระทำความผิดเพียงลำพังซึ่งอาจเป็นเพราะความโลภ โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยมีประวัติเป็นอาชญากร กรณียังไม่สมควรลงโทษจำเลยถึงประหารชีวิต จึงให้ลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิต ส่วนการที่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี บัญญัติให้ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 339 โดยใช้อาวุธปืนต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรา 339 กึ่งหนึ่ง นั้น หาใช่เป็นเรื่องการเพิ่มโทษไม่ จะนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 มาเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุก 50 ปี เพื่อระวางโทษหนักขึ้นอีกกึ่งหนึ่งไม่ได้ จึงนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี มาปรับด้วยไม่ได้ จำเลยคงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสุดท้าย
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสุดท้าย ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต และให้จำเลยคืนสร้อยคอโลหะชุบทอง 1 เส้น หรือใช้ราคา 30 บาท แก่ผู้เสียหาย.