โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ผิดสัญญาการใช้บัตรเครดิต ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงิน ๓๗๔,๘๘๖ บาท กับค่าทดแทนการออกเงินทุนเพิ่มอัตราร้อยละ ๑ ต่อเดือน และค่าปรับเพื่อทดแทนค่าใช้จ่ายในการเรียกเก็บเงิน อัตราร้อยละ ๒.๕ ต่อเดือน ของต้นเงิน ๒๓๕,๐๔๔ บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสี่ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า?ที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสี่รับผิดชำระเงินค่าทดแทนการออกเงินทุนเพิ่มอัตราร้อยละ ๑ต่อเดือน และค่าปรับเพื่อทดแทนค่าใช้จ่ายจากการเรียกเก็บเงินอัตราร้อยละ ๒.๕ ต่อเดือน โดยขอคิดตั้งแต่วันที่ ๗ มกราคม ๒๕๔๐ อันเป็นวันที่จำเลยทั้งสี่ผิดนัดชำระเงินที่โจทก์เรียกเก็บทั้งหมดนั้น เห็นว่า เงินค่าทดแทนการออกเงินทุนเพิ่มก็ดี และค่าปรับเพื่อทดแทนค่าใช้จ่ายจากการเรียกเก็บเงินก็ดี ล้วนแต่เป็นการกำหนดค่าเสียหายไว้ล่วงหน้าในกรณีที่จำเลยทั้งสี่ไม่ชำระหนี้เงินดังกล่าวตรงตามเวลาที่กำหนดไว้มีลักษณะเป็นเบี้ยปรับตามป.พ.พ. มาตรา ๓๗๙ ซึ่งศาลฎีกาพิเคราะห์ถึงทางได้เสียของโจทก์ทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมายแล้ว เห็นว่า เบี้ยปรับดังกล่าวนั้นกำหนดไว้สูงเกินส่วน จึงเห็นควรให้ลดเบี้ยปรับลงตามมาตรา ๓๘๓ วรรคหนึ่ง โดยให้จำเลยทั้งสี่รับผิดชำระเป็นดอกเบี้ยอัตรา ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ ๗ มกราคม ๒๕๔๐ เป็นต้นไป ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับว่า ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้เงินจำนวน ๒๓๕,๐๔๔ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ ๗ มกราคม ๒๕๔๐ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความรวม ๕,๐๐๐ บาท.