โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันลักทรัพย์ของผู้เสียหายทั้งสามไป โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดและพาทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ (๑) (๓) (๗) (๘), ๓๓๖ ทวิ ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธทั้งสามสำนวน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ (๑) (๓) (๗) (๘), ๓๓๖ ทวิ ทั้งสามสำนวน จำคุกสำนวนละ ๓ ปี จำเลยรับสารภาพในชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้สำนวนละหนึ่งในสาม คงจำคุกสำนวนละ ๒ ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายรายนี้ สำหรับปัญหาที่ว่า การที่จำเลยลักทรัพย์ของผู้เสียหายทั้งสาม จำเลยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดและพาทรัพย์ที่ลักไปหรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความจากคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยเพียงว่า จำเลยนำรถจักรยานยนต์ไปจอดอยู่ห่างบ้านผู้เสียหายประมาณ ๑ กิโลเมตร แล้วจึงไปลักทรัพย์ผู้เสียหายทั้งสาม เมื่อลักทรัพย์ผู้เสียหายเสร็จได้กลับมาที่รถจักรยานยนต์แบ่งทรัพย์กันแล้ว จำเลยกับนายประสงค์ก็ได้นั่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไป จึงยังฟังไม่ได้ว่าการที่จำเลยลักทรัพย์ของผู้เสียหายทั้งสาม จำเลยได้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ (๑) (๓) (๗) (๘) วรรคสาม, ๘๓ จำคุกจำเลยสำนวนละ ๒ ปี ลดโทษให้สำนวนละหนึ่งในสาม คงจำคุกสำนวนละ ๑ ปี ๔ เดือน นับโทษจำเลยทั้งสามสำนวนติดต่อกัน ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายทั้งสาม