โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปลูกห้องแถวชิดเข้ามาติดกับที่ดินของโจทก์ และจำเลยทำชายคาทางด้านที่ดินต่อกับโจทก์รุกล้ำเข้ามาทางอากาศภายในเขตพื้นที่ของโจทก์กว้างประมาณ ๒ ศอก ยาวประมาณ ๓ วา เมื่อฝนตกมาน้ำฝนที่ชายคาของจำเลยจึงไหลพุ่งเข้ามาเปียกฝาห้องแถวของโจทก์ทำให้ฝาห้องโจทก์เสียหาย ๑๐๐ บาท ได้ห้ามและให้จำเลยรื้อออกไป จำเลยไม่ยอม จึงขอให้บังคับ
จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยมิได้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย
ศาลชั้นต้นฟังว่าหลังคาเรือนจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ทางอากาศจริงเป็นเหตุให้น้ำฝนจากชายคาเรือนจำเลยไหลสาดเข้าไปในฝาโรงของโจทก์และยาม้วนของโจทก์เสียหายไป ๑๐ ม้วน ราคา ๑๐๐ บาท ส่วนค่าสินไหมทดแทนโจทก์ฟ้องว่าทำให้ฝาโรงโจทก์เสียหายคิดเป็นเงิน ๑๐๐ บาท โจทก์นำสืบว่ายาม้วนเสียหาย ๑๐๐ บาท ข้อเสียหายโจทก์สืบไม่สม แต่ศาลชั้นต้นเห็นว่าเมื่อฟังว่าจำเลยละเมิดจำเลยก็ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนตาม ม. ๔๒๐ แม้จะถือว่าโจทก์สืบไม่ได้ ศาลก็วินิจฉัยให้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงตาม ม. ๔๓๘ เห็นควรให้ค่าเสียหาย ๒๐ บาท พิพากษาบังคับให้จำเลยรื้อถอนหลังคาเรือนจำเลยให้พ้นไปจากที่ดินของโจทก์ให้เหลือเพียงเท่าที่เวลาน้ำตกชายคาจำเลยลงตรงเขตเสาหินมิให้ตกลงยังทรัพย์สินของโจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหาย ๒๐ บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อฟังว่าจำเลยละเมิดสิทธิต่อโจทก์เป็นเหตุให้น้ำฝนจากชายคาเรือนจำเลยไหลเข้าไปถูกฝาโรงโจทก์ แม้โจทก์จะสืบไม่ได้ว่าการที่น้ำฝนไปถูกฝาเรือนโจทก์เสียหายเท่าใด ศาลก็มีอำนาจวินิจฉัยให้ตามสมควร
พิพากษายืน