โจทฟ้องว่าจำเลยรับราชการเปนสึกสาธิการอำเพอบาเจาะมีหน้าที่ดูแลรักสาเก็บผลประโยชน์รายได้ของโรงเรียนประชาบาลบาเจาะ ๑ ได้มีเจตนาทุจริตยักยอกคูปองสวนยางของโรงเรียนไป ขอไห้ลงโทสรวม ๔ สำนวนด้วยกัน
จำเลยไห้การว่าไม่ได้กระทำผิดดั่งโจทกล่าวหา
สาลชั้นต้นและสาลอุธรน์วินิจฉัยต้องกันว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้อง พิพากสาว่าจำเลยมีความผิดตามลักสนะอาญามาตรา ๑๓๑ พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติม ๒๔๗๗ (ฉบับที่ ๒) ม. ๓ จำคุกรวม ๔ สำนวนมีกำหนด ๑๐ ปี ลดตามม. ๕๙ ไห้ ๑ ไน ๓ คงจำคุก ๖ ปี ๘ เดือน
จำเลยดีกา สาลดีกาเห็นว่าพยานหลักถานของจำเลยไม่พอหักล้างข้อสันนิถานว่าจำเลยได้ทุจริตยักยอกไบคูปองยางของโรงเรียนซึ่งจำเลยรับมารักสาตามหน้าที่ ส่วนข้อกดหมายของจำเลยมีดั่งต่อไปนี้
๑. จำเลยว่า ข้อเท็จจิงที่ได้ความตามทางพิจารนาไม่ตรงกับฟ้อง สาลดีกาเห้นว่าการกะทำที่โจทอ้างว่าจำเลยกะทำผิดก็คือจำเลยทุจริตยักยอกไบคูปองยางของโรงเรียนซึ่งจำเลยเปนผู้รักสาตามหน้าที่ราชการ ข้อเท็ดจิงอันนี้ทางพิจารนาได้ความตามฟ้อง
๒. จำเลยว่า ฟ้องโจทไม่ได้กล่าวแน่ว่าจำเลยยักยอกไบคูปองยางหรือยักยอกเงินที่ขายไบคูปองได้ สาลดีกาเห็นว่าฟ้องโจทสแดงข้อหาชัดว่าจำเลยยักยอกไบคูปองยาง
๓. จำเลยว่า ฟ้องโจทไม่ได้กล่าวว่าโรงเรียนประชาบาลบาเจาะ ๑ เปนโรงเรียนประชาบาลที่ทางอำเพอจัดตั้งและจำเลยก็ไม่มีหน้าที่จัดการ สาลดีกาเห็นว่า ฟ้องโจทกล่าวแล้วว่า จำเลยรับราชการเปนสึกสาธิการอำเพอบาเจาะมีหน้าที่ดูแลรักสาเก็บผลประโยชน์รายได้ของโรงเรียน พอตีความได้ว่าโรงเรียนนั้นเปนของอำเพอบาเจาะ
๔. จำเลยว่า โจทฟ้องว่าจำเลยกะทำผิดไนเวลากลางวัน แต่ตามคำพยานโจทไม่ปรากตว่าจำเลยกะทำผิดเวลากลางวัน สาลดีกาเห้นว่าจำเลยไห้การรับว่าได้ขายไบคูปองยางไปแล้วและมิได้โต้เถียงเรื่องเวลากะทำผิด ทั้งทางพิจารณาก็ไม่ปรากตว่าจำเลยกะทำผิดเวลากลางคืน
สาลดีกาเห็นว่า ดีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น จึงพิพากสายืน