โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักทรัพย์ ระหว่างพิจารณาศาลชั้นต้นปล่อยจำเลยชั่วคราวโดยให้มีประกันตัว ศาลนัดฟังคำพิพากษาวันที่ ๑๗ ธันวาคม๒๕๑๑ แต่นางสาวอรทัย ศุขโต นายประกันไม่สามารถส่งตัวจำเลยตามนัดได้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๑๑ ปรับนางสาวอรทัย ศุขโตนายประกันฐานผิดสัญญา เป็นเงิน ๘๐,๐๐๐ บาทเต็มตามสัญญา และให้ชำระค่าปรับภายใน ๑๕ วัน ในวันเดียวกันนั้นได้ออกหมายจับจำเลยมาฟังคำพิพากษาด้วย แต่ก็ไม่ได้ตัวจำเลยภายใน ๑ เดือนนับแต่วันออกหมายจับศาลจึงอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย ให้จำคุกจำเลย ๔ ปี
ต่อมาวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๑๓ นางสาวอรทัยนายประกันยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าได้แจ้งให้ตำรวจจับจำเลยได้แล้ว ขอส่งตัวจำเลยต่อศาลศาลสั่งให้รับตัวไว้ ครั้นวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๓ นางสาวอรทัยนายประกันยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า นับแต่จำเลยไม่มาฟังคำพิพากษาตามนัดนายประกันมิได้นิ่งนอนใจ ได้ออกติดตามหาตัวจำเลยทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด และยังได้จ้างให้คนอื่นตามด้วย สิ้นเงินค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก ต่อมาผู้ที่นายประกันจ้างให้ติดตามนั้นแจ้งว่าพบตัวจำเลยถูกจับอยู่ที่สถานีตำรวจ นายประกันจึงได้ขอให้ส่งตัวจำเลยไว้ในคดีนี้จึงขอให้ศาลพิจารณาลดค่าปรับที่ได้สั่งปรับไปนั้นด้วย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยถูกจับในคดีอื่น ไม่ใช่นายประกันนำตำรวจจับได้เองไม่มีเหตุจะลดค่าปรับ
นางสาวอรทัยนายประกันอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นสมควรลดค่าปรับให้ ๑ ใน ๔ คงปรับ ๖๐,๐๐๐ บาท
นางสาวอรทัยนายประกันฎีกาขอลดค่าปรับลงอีก
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อหาของจำเลยเป็นความผิดฐานลักทรัพย์โดยมีเหตุฉกรรจ์เท่านั้นทรัพย์ที่จำเลยลักไปเป็นเงิน ๗๒๙.๒๕ บาท เมื่อศาลนัดฟังคำพิพากษาครั้งแรกในวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๑ จำเลยก็มาศาลหากแต่ไม่ได้ฟังเพราะศาลเลื่อนการอ่านคำพิพากษาไปซึ่งถ้าจำเลยได้ฟังคำพิพากษาเสียในนัดแรกแล้ว คงไม่มีเหตุพิพาทเกิดขึ้น และนับแต่ออกหมายจับเป็นเวลา ๑ ปีเศษแล้วก็ยังจับจำเลยไม่ได้ การได้ตัวจำเลยมาลงโทษตามคำพิพากษาก็เพราะความขวนขวายเอาใจใส่ติดตามของนายประกัน ทั้งน่าเชื่อว่านายประกันได้สิ้นเงินค่าใช้จ่ายในการติดตามมิใช่น้อย รูปคดีมีเหตุสมควรลดหย่อนค่าปรับลงอีกได้
พิพากษาแก้เป็นปรับ ๔๐,๐๐๐ บาท