คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน ๑ แปลงเนื้อที่ ๒๗ ไร่ โดยซื้อไว้จากจำเลยที่ ๒ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๐๙ จำเลยที ๑ ซึ่งเป็นบุตรจำเลยที่ ๒ ได้ยื่นคำร้องต่อเจ้าหน้าที่อำเภอขอรับมรดกที่ดินจากนายโชติบิดา จำนวน ๑๗ ไร่ โจทก์จึงคัดค้านต่อมาในวันที่ ๒๒ เดือนเดียวกัน จำเลยทั้งสองได้บุกรุกเข้าแย่งการครอบครองที่ดินแปลงพิพาททั้งแปลง ขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารเข้าเกี่ยวข้องที่ดินพิพาทอีกต่อไป
จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ให้การว่าจำเลยที่ ๑ เป็นบุตรนายโชติถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๔ ก่อนนายโชติจำเลยที่ ๒ เป็นภริยานายโชติและเป็นมารดาจำเลยที่ ๑ นายโชติ ถึงแก่กกรม นายโชติมีที่ดิน ๑ แปลงเนื้อที่ ๑๗ ไร่ และนายโชติยังได้ซื้อที่ดินติดต่อกันไว้จากนายสายอีก ๑ แปลง เนื้อที่ ๑๗ ไร่เศษ เมื่อนายโชติตาย ที่พิพาทจึงตกเป็นสิทธิแก่จำเลยที่ ๑และที่ ๒ โจทก์เคยเช่าที่พิพาทจากจำเลย เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๙ โจทก์ได้เอารถไถที่ดินพิพาททั้ง ๓๔ ไร่ จำเลยห้าม แต่โจทก์ไม่เชื่อฟัง ทำให้จำเลยขาดรายได้ปีละ ๑๐,๐๐๐ บาท จึงฟ้องแย้งขอให้ห้ามโจทก์และบริวารมิให้เข้าขัดขวางในการที่จำเลยจะใช้สิทธิทำประโยชน์ในที่ของจำเลยดังกล่าว และให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายที่จำเลยขาดประโยชน์ปีละ ๑๐,๐๐๐บาท จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ได้ซื้อที่พิพาทไว้จากจำเลยที่ ๒ เนื้อที่ ๒๗ ไร่ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๔ แล้วเข้าครอบครองเป็นเจ้าของที่ทำกินและเสียค่าบำรุงท้องที่ตลอดมามิได้ทอดทิ้ง ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาห้ามจำเลยทั้ง ๒ และบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทและยกฟ้องแย้งจำเลย
จำเลยทั้ง ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าจำเลยทั้ง ๒ มีสิทธิครอบครองเป็นเจ้าของที่พิพาท ห้ามโจทก์และบริวารขัดขวางในการที่จำเลยจะใช้สิทธิทำประโยชน์ในที่พิพาทและให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยปีละ ๗๕๐ บาท จนกว่าคดีจะถึงที่สุด และให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงแล้วเชื่อว่า โจทก์ได้ซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ ๒ หาใช่เช่าดังที่จำเลยต่อสู้ไม่ และถึงแม้ว่าจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นบุตรจำเลยที่ ๒ จะมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของที่พิพาทในฐานะเป็นผู้รับมรดกจากนายโชติบิดาร่วมกับจำเลยที่ ๒ แต่เมื่อจำเลยที่ ๒ ขายที่พิพาทให้โจทก์ โจทก์ได้เข้าครอบครองที่พิพาททั้งหมดแต่ผู้เดียวตลอดมาตั้งแต่ พ.ศ ๒๕๐๔ จนเกิดกรณีพิพาทหนี้ขึ้น จำเลยที่ ๑ ทราบแล้วมิได้โต้แย้งคัดค้านแต่ประการใด จึงถือได้ว่า จำเลยที่ ๑ ยินยอมให้จำเลยที่ ๒ ขายส่วนของจำเลยที่ ๑ โดยปริยายด้วย พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น