โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสมคบกันใช้อุบายหลอกลวงบอกขายข้าวเปลือก ๖๐ ถังของนางเจิมแก่นายทวีโดยจำเลยเอาความเท็จมากล่าวหลอกลวงนายทวีว่านางเจิมเจ้าของข้าวให้มาบอกขายข้าวจำนวนที่กล่าวนั้นทั้งมอบให้รับเงินค่าข้าวไปล่วงหน้าด้วย ความจริงนางเจิมไม่ได้มอบหมายให้จำเลยเอาข้าวรายนี้ไปขาย นายทวีหลงเชื่อในอุบายหลอกลวงของจำเลย จึงรับซื้อข้าวไว้เป็นราคาเงิน ๒๙๙๐ บาทและมอบเงินให้แก่จำเลยไป จำเลยเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนแล้ว ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๐๔
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าฟ้องไม่กล่าวว่าจำเลยทุจริต จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นฟ้อง พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้พิจารณาคดีต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ความผิดฐานฉ้อโกงนั้นต้องประกอบด้วยเจตนาทุจริต แต่คำบรรยายฟ้องไม่มีกล่าวถึงทุจริต แม้จนกระทั่งตัวบุคคลผู้เสียหายเป็นใคร จะเป็นนางเจิมหรือนายทวี ก็ไม่ชัด ตามฟ้องกล่าวว่านายทวีถูกหลอกลวง ก็ไม่แน่ว่านายทวีเสียหายจริง เพราะการถูกหลอกมิใช่จะเสียหายเสมอไป ถูกหลอกที่ไม่เสียหายก็มีคดีนี้นายทวีถูกหลอก แต่ถ้านายทวีไม่เสียหายเลย เรื่องฉ้อโกงย่อมมีไม่ได้ ฟ้องจึงไม่เป็นฟ้อง
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง