อัยการเป็นโจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจรื้อถอนหลักเขตที่ดินของนางฉ่ำแล้วทำรั้วลุกล้ำเข้าไปในเขตที่ดินของผู้เสียหายโดยจำเลยมีเจตนาบุกรุกครอบครองเอาที่ดินของผู้เสียหาย ๆ ผู้เสียหายร้องทุกข์แล้วขอให้ลงโทษตาม ม.๓๒๘ ๓๒๗
จำเลยต่อสู้ว่ามิได้กระทำผิด
นางฉ่ำผู้เสียหายได้รับอนุญาตให้เข้าเป็นโจทก์ร่วม
ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาว่าเมื่อศาลไปดูที่เกิดเหตุตามที่คู่ความขอแล้วให้จำเลยขยับรั้วเข้ามาตามแนวที่ศาลขึงเชือกจำเลยตกลงยอมขยับรั้วเข้ามาตามแนวนี้และรับรองว่าจะย้ายรั้วใหม่ให้เสร็จภายในวันที่ ๓ ธ.ค.๙๘ นายประมวลทนายโจทก์ร่วมและผู้รับมอบฉันทะจากผู้เสียหาย (คือโจทก์ร่วม) ให้หาการประนีประนอมยอมความได้ ได้ยอมรับข้อตกลงนี้และแถลงว่าจะได้ถอนฟ้องให้เสร็จไปเมื่อจำเลยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงแล้ว
ฝ่ายอัยการแถลงว่าเมื่อตัวความยินยอมเลิกคดีดังนี้ อัยการไม่ติดใจดำเนินคดีต่อไป
ศาลชั้นต้นสั่งว่าเมื่อคู่ความตกลงกันดังนี้คดีก็เป็นอันเสร็จสำนวน นัดคู่ความมาศาลพร้อมกันในวันต่อไปเพื่อดำเนินการถอนฟ้องคดีให้เสร็จไปส
ก่อนวันนัดจำเลยแถลงว่าได้รื้อรั้วและทำขึ้นใหม่ตามที่แถลงไว้เสร็จแล้ว
ถึงวันนัดโจทก์ร่วมหรือทนายไม่มาศาล คงมาแต่จำเลยและอัยการโจทก์ ศาลนัดพร้อมใหม่อีกโจทก์ร่วมก็ยังคงไม่มีอีกเช่นเดียวกับนัดแรก
ศาลชั้นต้นเห็นว่าเมื่อจำเลยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงและโจทก์ร่วมไม่นำพาต่อวันนัดแล้ว คดีก็เป็นอันเสร็จไปโดยโจทก์ร่วมยอมเลิกคดี และอัยการก็เป็นอันหมดอำนาจสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ
อัยการโจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยข้ออุทธรณ์ของอัยการว่าอัยการไม่เคยขาดนัด ศาลจึงไม่มีอำนาจจำหน่ายคดีของอัยการ แม้โจทก์ร่วมและจำเลยยินยอมตามที่ศาลแนะนำ ก็ยังถือไม่ได้ว่าได้ทำยอมเลิกความกันแล้ว เพราะโจทก์ร่วมยังไม่ได้ถอนฟ้อง คดียังไม่เสร็จไป พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาคดีต่อไปตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ผู้เสียหายและจำเลยแถลงตกลงกันตามที่ศาลชั้นต้นชี้กะแนวเขตใหม่ตามรายงาน ฯ นั้นถือว่าทั้งสองฝ่ายระงับข้อพิพาทซึ่งมีอยู่ให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน เข้าลักษณะสัญญาประนีประนอมยอมความเกิดผลให้การเรียกร้องเดิมระงับ และได้สิทธิใหม่ตามที่ได้ตกลงกันตาม ป.พ.พ. ม.๘๕๐,๘๕๑,๘๕๒ ที่โจทก์ร่วมว่าจะได้ถอนฟ้องเมื่อจำเลยปฏิบัติแล้วนั้น ก็มีความหมายเพียงเพื่อให้ศาลจำหน่ายคดีเสร็จไปตามวิธีการปฏิบัติของศาล ถึงจะถือหรือไม่ถอนก็มีผลไม่ต่างกัน เพราะคดีระงับไปแล้วตาม ป.วิ.แพ่ง ม.๓๙ (๒) ซึ่งมีความว่าสิทธินำคดีอาญาส่วนตัวมาฟ้องย่อมระงับในเมื่อได้ยอมความกันแล้ว อัยการก็แถลงว่าไม่ติดใจดำเนินคดีต่อไป แม้ยังจะติดใจดำเนินต่อไปก็ดูไม่มีคดีข้อใดกะทงใดที่จะดำเนินต่อไปอีกได้
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์