โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๒ ในนามของจำเลยที่ ๑ เสนอขายรถยนต์ใช้แล้ว ๒ คัน ช้าง ๒ เชือก ราคา ๕๖,๓๖๕.๗๐ บาท โจทก์สนองรับและจ่ายเงินให้จำเลยที่ ๒ ในนามของจำเลยที่ ๑ แล้ว ตกลงจะส่งมอบและโอนทรัพย์ที่ซื้อขายกันภายใน ๗ วันนับแต่วันรับเงิน จำเลยผิดนัดไม่ส่งมอบและทำการโอนทรัพย์ โจทก์เสียกาย ขอให้บังคับจำเลยร่วมกันรับผิดใช้เงินแก่โจทย์
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ช่วยจัดการไม่เคยเสนอขายต่อโจทก์แทนจำเลยที่ ๑ ๆก็ไม่เคยมีข้อตกลงขายกับโจทก์ จำเลยขายทรัพย์ตามฟ้องให้นายหลี ๆ รับทรัพย์ไปแล้ว ขายไม่ซุงหักใช้หนี้ ๕๖,๗๙๖.๓๐ บาท ยังค้างอีก ๕๖,๓๖๕.๗๐ บาท นายหลียอมให้โจทก์ขำระหนี้ที่ยังค้างนี้ เท่านั้น
จำเลยที่ ๒ ให้การว่าจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นผู้จัดการ(บริษัท) ได้ขายทรัพย์ จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ช่วยผู้จัดการออกใบรับเงินให้ในนามจำเลยที่ ๑ จึงไม่ต้องรับผิด เพราะเป็นตัวแทนจำเลยที่ ๑
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยที่๑ ขายทรัพย์ให้นายหลีกรรมสิทธิ์ตกแก่นายหลีด้วยการส่งมอบ โจทก์ไม่ใช่เป็นผู้ซื้อ เป็นแต่ผู้ชำระเงิน (ที่นายหลียังค้างชำระ) แทนนายหลี ไม่มีมูลหนี้ตามสัญญา(ซื้อขาย)ระหว่างโจทก์และจำเลยที่ ๑ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าความมุ่งหมายของเอกสารหมาย จ.+ ๑ (สัญญา)มีเพียงว่าให้โจทก์ชำระหนี้ของนายหลีที่ค้างชำระแล้วนายหลียอมให้จำเลยที่ ๑ โอนทรัพย์ใส่ชื่อโจทก์เพื่อเป็นหลักประกัน โจทก์ไม่ใช่ผู้ซื้อทรัพย์จากจำเลยที่ ๑ โดยตรงพิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า
๑.จำเลยที่ ๑ ขายทรัพย์ให้นายหลี ๆ ผิดสัญญากับจำเลยที่ ๑ โดยไม่สามารถชำระหนี้ที่ค้าง จำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาขายทรัพย์ให้แก่โจทย์โดยนายหลีให้ความยินยอม เข้าลักษณะแปลงหนี้ใหม่ ไม่ใช่เป็นการชำระหนี้แทน เมื่อจำเลยที่ ๑ ไม่ส่งมอบ(ทรัพย์)ก็ต้องรับผิดต่อโจทก์
๒.กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ยังอยู่แก่จำเลยที่ ๑ โดยยังไม่มีการโอนช้างตาม พ.ร.บ.สัตว์พาหนะๆ ส่วนรถยนตร์จำเลยที่ ๑ เรียกคืนจากนายหลีแล้วกลับฝากนายหลี นายหลีไม่มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาท
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงเป็นเรื่องนายหลียอมให้โจทก์ชำระหนี้ที่ค้างแทนนายหลีโจทก์(ฟ้อง)ตั้งรูปคดีชัดว่าเป็นการซื้อขา คือกล่าวว่าจำเลยเป็นผู้เสนอ โจทก์เป็นผู้สนองรับ ที่โจทก์ฎีกาว่าเป็นเรื่องแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวถูกหนี้นั้น นอกประเด็น เพราะมิได้กล่าวในฟ้องเลย และมิได้เป็นข้อโต้แย้งมาแต่ต้น รับวินิจฉัยให้ไม่ได้ สัญญาซื้อขายระหว่างจำเลยที่ ๑ และนายหลีไม่เกี่ยวกับโจทก์ หากจะเกี่ยวก็แต่เฉพาะในเรื่องหลักประกัน (เพื่อมิให้โจทก์ต้องสูญเงิน) ซึ่งไม่ใช่ประเด็นในคดีนี้ พิพากษายืน.