โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้จำนองที่ดินไว้ต่อจำเลยเพื่อเป็นประกันหนี้ของบริษัทโภคะนิมิตธัญญพืช จำกัดและหรือของโจทก์เอง ซึ่งหากจะได้เป็นหนี้ต่อไปทั้งหมดเป็นเงิน 180,000 บาท โจทก์ไม่ประสงค์ที่จะจำนองเป็นประกันต่อไปอีกจึงติดต่อกับจำเลยขอทราบยอดหนี้ที่โจทก์จะต้องรับผิดตามสัญญาจำนองเพื่อจะได้ไถ่ถอนจำเลยเพิกถอน จึงขอให้บังคับจำเลยจดการยินยอมให้โจทก์ไถ่ถอนจำนอง
จำเลยให้การว่า โจทก์ได้จำนองที่ดินเป็นเงิน 180,000 บาทเพื่อเป็นประกันหนี้ของบริษัทโภคะนิมิตรธัญญพืช จำกัดและหรือของโจทกืเอง นอกจากนั้นโจทก์ยังทำสัญญาค้ำประกันของบริษัทโภคะนิมิตธัญญพืช จำกัด ซึ่งโจทก์ยินยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมให้ไว้แก่จำเลยอีก บริษัทโภระนิมิตธัญญพืช จำกัด เป็นลูกหนี้จำเลยเป็นเงิน7,364,190.89 บาท บริษัทโภคะนิมิตธัญญพืช จำกัด และโจทก์ยังไม่ชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองให้จำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับไถ่ถอนจำนองที่ดินของโจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้โจทก์ชำระดอกเบี้ยตามอัตราและจำนวนเงินในสัญญาจำนองตามฟ้องจนถึงวันที่ 5 มีนาคม 2524 ให้แก่จำเลยด้วย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญาจำนองเอกสารหมาย จ.1 หรือ ล.2 เป็นสัญญาที่โจทก์เอาทรัพย์สินคือที่ดินโฉนดเลขที่ 118146 ตราไว้แก่จำเลยผู้รับจำนองเป็นประกันการชำระหนี้ของบริษัทโภคะนิมิตรธัญญพืช จำกัด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 ลักษณะ 12 เป็นการประกันด้วยทรัพย์ซึ่งก่อสิทธิแก่จำเลยผู้รับจำนองให้มีสิทธิเหนือทรัพย์สินที่จำนองเป็นทรัพย์สิทธิประเภทหนึ่งซึ่งผู้รับจำนองมีสิทธิบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินที่จำนองโดยตรง ไม่ว่าทรัพย์สินนั้นผู้จำนองจะได้โอนไปยังบุคคลอื่นแล้วหรือไม่ก็ตาม และจำเลยผู้รับจำนองยังมีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินนที่จำนองก่อนเจ้าหนี้สามัญอีกด้วย ส่วนสัญญาค้ำประกันเงินกู้เอกสารหมาย ล.3 แม้จะได้ทำขึ้นในวันเดียวกันกับสัญญาจำนองเอกสารหมาย จ.1หรือล.2 และมีวัตถุประสงค์ในการประกันหนี้รายเดียวกันคือหนี้กู้เบิกเงินเกินบัญชีของบริษัทโภคะนิมิตธัญญพืช จำกัด ก็ตาม แต่สัญญาค้ำประกันเงินกู้เอกสารหมาย ล.3เป็นสัญญาค้ำประกันด้วยบุคคล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 ลักษณะ 11 ซึ่งเป็นบุคคลสิทธิ ที่จำเลยผู้เป็นเจ้าหนี้จะต้องติดตามบังคับเอาแก่โจทก์ผู้ค้ำประกันในเมื่อบริษัทโภคะธัญญพืช จำกัด ลูกหนี้กู้เบิกเงินเกินบัญชีผิดนัดไม่ชำระหนี้และสิทธิและจำเลยตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้เอกสารหมาย ล.3 ก็เป็นเพียงสิทธิของเจ้าหนี้สามัญ หามีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินของโจทก์ผู้ค้ำประกันก่อนเจ้าหนี้อื่นแต่อย่างใดไม่ สัญญาจำนองเอกสารหมาย จ.1 หรือ ล.2 และสัญญาค้ำประกันเงินกู้เอกสารหมาย จ.3 จึงแยกต่างหากจากกัน หามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันไม่เมื่อสัญญาจำนองระบุจำนวนเงินที่จำนองไว้เป็นจำนวนเงิน 180,000 บาท โดยชัดแจ้งจำเลยมีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินซึ่งจำนองในวงเงิน 180,000 บาท พร้อมทั้งค่าอุปกรณ์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 715 เท่านั้นส่วนหนี้กู้เบิกเงินเกินบัญชีของบริษัทโภคะนิมิตธัญญพืช จำกัด ที่เกินกว่าจำนวนเงินที่จำนองเป็นประกันนั้น เป็นบุคคลสิทธิที่จำเลยจะต้องติดตามบังคับเอาจากโจทก์ตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้เอกสารหมาย ล.3 ในฐานะเป็นเจ้าหนี้สามัญ จะบังคับเอาจากทรัพย์สินของโจทก์ที่จำนองไว้แก่จำเลยโดยตรงหาได้ไม่
ฉะนั้น เมื่อสัญญาจำนองมิได้กำหนดระะยเวลาไถ่ถอนไว้ เมื่อโจทก์ผู้จำนองแสดงความจำนงขอไถ่ถอนจำนองแล้ว จำเลยจะไม่ยอมให้ไถ่ถอนจำนองโดยอ้างว่าโจทก์ยังมีภาระผูกพันที่จะต้องชำระหนี้ค้ำประกันตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้เอกสารหมายล.3 อยู่อีกไม่ได้ เพราะเป็นความรับผิดตามสัญญาคนละฉบับซึ่งแยกต่างหากจากกันและไม่เกี่ยวข้องกัน โจทก์จึงมีสิทธิไถ่ถอนจำนองได้โดยไม่ต้องชำระหนี้ของบริษัทโภคะนิมิตธัญญพืช จำกัด ให้เป็นการเสร็จสิ้นครบถ้วนเสียก่อน
พิพากษายืน