โจทก์ฟ้องและยื่นคำร้องแก้ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 รับราชการในตำแหน่งปลัดอำเภอชั้นตรี จำเลยที่ 2 รับราชการในตำแหน่งเสมียนมหาดไทยประจำอำเภอปากพลี จังหวัดนครนายกเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2494 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองทำการสอบสวนคดีเรื่องผิดพระราชบัญญัติสุรา แล้วทำการเปรียบเทียบปรับผู้ต้องหาสองรายรวมเป็นเงิน 100 บาท แล้วบังอาจสมคบกันยักยอกเอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวของจำเลย ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131, 132, 319 และพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ. 2484 มาตรา 3
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิด และต่อสู้ว่าฟ้องของโจทก์ไม่ได้กล่าวแสดงว่าจำเลยกระทำผิดเมื่อใดเป็นฟ้องเคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิจารณาโดยสืบพยานโจทก์ 2 ปากแล้วงดไม่สืบพยานต่อไปและพิพากษาว่าโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้อง เมื่อวันเดือนใด เวลาไหนจำเลยยักยอกเอาเงินค่าปรับไป ฟ้องโจทก์ไม่สมบูรณ์ขาดรายละเอียดเกี่ยวกับวันเวลาที่กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดเป็นฟ้องเคลือบคลุมพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์บรรยายฟ้องแล้วว่าจำเลยกระทำผิดวันที่ 8กรกฎาคม 2494 เวลากลางวัน
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานต่อไปตามกระบวนพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องของโจทก์กล่าวไว้เข้าใจได้ว่าจำเลยยักยอกเงินค่าปรับไปในวันที่ 8 กรกฎาคม 2494 ถือได้ว่าได้ระบุวันเวลาที่กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิด เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158
พิพากษายืน