โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินมือเปล่า เนื้อที่ประมาณ ๙๐ ไร่หมู่ที่ ๙ ตำบลจันเสน อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์โดยครอบครองทำกินมาเป็นเวลานานปีแล้ว และต่อมาได้แจ้งการครอบครองไว้ตามหลักฐานสำเนาแบบแจ้งการครอบครอง ส.ค.๑ ท้ายฟ้องเดือนมกราคม ๒๕๐๘ จำเลยได้นำเจ้าพนักงานมารังวัดที่ดินของโจทก์นี้เพื่อออกโฉนดที่ดินเป็นของจำเลยจึงขอให้ศาลสั่งห้ามมิให้จำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินของโจทก์และห้ามมิให้กระทำการเพื่อออกโฉนดที่ดินของโจทก์นี้
จำเลยให้การว่า ที่ดินที่จำเลยนำพนักงานรังวัดเพื่อออกโฉนดอยู่หมู่ที่ ๕ ตำบลจันเสน อำเภอตาคลี เป็นที่ของจำเลยโดยซื้อจากนายแต้มแสนทน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซึ่งเป็นที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วและจำเลยได้รับโอนมาโดยสุจริต และครอบครองตลอดมาทุกปี
ศาลชั้นต้นฟังว่า ที่พิพาทเป็นของนายแต้ม ซึ่งให้โจทก์ครอบครองดูแลแทนมิใช่นายแต้มเป็นผู้ซื้อไว้แทนโจทก์ และนายแต้มได้ขายให้จำเลยโจทก์จึงมิใช่เจ้าของที่พิพาท พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า นายแต้มได้ขายที่พิพาทให้โจทก์ซึ่งได้เข้าครอบครองทำกินตลอดมาเป็นเวลา ๑๐ กว่าปีแล้ว เมื่อนายแต้มมิใช่เจ้าของแล้วจึงไม่มีสิทธิโอนขายให้จำเลย พิพากษากลับว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นายแต้มได้ขายที่พิพาทให้โจทก์ และโจทก์ได้เข้าครอบครองทำกินมาเป็นเวลานานถึง ๑๐ กว่าปีแล้ว ที่พิพาทเป็นที่ไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน การโอนย่อมทำได้ด้วยสละเจตนาครอบครองและส่งมอบทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๗๗, ๑๓๗๘โจทก์จึงเป็นเจ้าของที่พิพาท การที่นายแต้มได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่พิพาทแปลงนี้ ย่อมไม่ก่อให้เกิดสิทธิแต่ประการใด เพราะมิใช่เจ้าของที่พิพาทแล้ว และแม้จำเลยจะรับซื้อไว้โดยสุจริตก็ตาม ก็หามีสิทธิในที่พิพาทนี้ไม่เพราะหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓) หาใช่เป็นหลักฐานกรรมสิทธิ์ว่าเป็นเจ้าของที่ดินทางทะเบียนเช่นโฉนดที่ดินไม่จึงจะนำมาตรา ๑๒๙๙, ๑๓๐๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้แก่กรณีนี้ไม่ได้
พิพากษายืน