คดีนี้ ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ห้าง ฯ จำเลย ลูกหนี้ไว้เด็ดขาดและพิพากษาให้ล้มละลาย นายจิตหลู่เจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามเช็คเป็นเงิน ๑๐๗,๕๐๐ บาท ตามหลักฐานในบัญชีท้ายคำขอรับชำระหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วเห็นว่าเช็คฉบับหมายเลย ๗๑๘๐๖๐ ลงวันที่ ๔-๖-๒๔๑๕ จำนวนเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท มีพิรุธ คือเดือนที่ลงในเช็ครอยเดิมจากเลข ๑ เป็น ๖ เป็นเช็คขาดอายุความแล้ว ทั้งไม่เชื่อว่ามีมูลหนี้กันจริง จึงเห็นควรให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้เฉพาะเช็คหมายเลข ๐๑๖๙๘๐ จำนวนเงิน ๕๐,๐๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย ๓,๗๕๐ บาท รวมเป็นเงิน ๕๓,๗๕๐ บาท นอกนั้นควรให้ยกเสีย
ศาลแพ่งสั่งอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ได้รับชำระหนี้ ๕๓,๗๕๐ บาท นอกนั้นให้ยกตามความเห็นขอบเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
เจ้าหนี้ฎีกา
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า หุ้นส่วนผู้จัดการห้างจำเลยได้นำเช็คของห้างจำเลย ๒ ฉบับ สั่งจ่ายฉบับละ ๕๐,๐๐๐ บาทหมายเลข ๐๑๖๙๘๐ สั่งจ่ายวันที่ ๒๔-๖-๒๕๑๕ และหมายเลข ๗๑๘๐๖๐ สั่งจ่ายวันที่ ๔-๖-๒๕๑๕ ไปแลกเงินสด จากนายยิ่งยศ และนายกิมเลี้ยง โดยมีเจ้าหนี้เป็นผู้สลักหลัง เมื่อเช็คถึงกำหนดแล้ว ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน อ้างเหตุว่าผู้สั่งจ่ายถึงแก่กรรม เจ้าหนี้ซึ่งเป็นผู้สลักหลักี้จึงได้ชำระหนี้ให้ผู้ทรงเช็คทั้งสองฉบับ และได้ทวงถามให้ห้างจำเลยชำระแล้ว แต่ห้างจำเลยก็ไม่ชำระ เจ้าหนี้จึงฟ้องผู้ชำระบัญชีห้างจำเลยเป็นคดี แพ่งสามัญเพื่อให้ชำระแล้ว แต่ห้างจำเลยก็ไม่ชำระ เจ้าหนี้จึงฟ้องผู้ชำระบัญชีห้างจำเลยเป็นคดีสามัญให้ชำระเงินตามเช็ค เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๑๖ ต่อมาศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดห้างจำเลย เจ้าหนี้จึงถอนฟ้องคดีแพ่งสามัญและนำเช็คทั้งสองฉบับมาขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้วเชื่อว่า ได้มีการแก้ไขวันสั่งจ่ายในเช็คฉบับหมายเลข ๗๑๘๐๖๐ จากเลขที่ ๑ เป็นเลข ๖ จริง จึงต้องถือว่าเช็คนี้ความจริงลงวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๑๕ เจ้าหนี้นำเช็คดังกล่าวมาฟ้องห้างจำเลยเป็นคดีแพ่งสามัญเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๑๖ ซึ่งเกินกำหนด ๑ ปี นับแต่วันสั่งจ่ายเช็คแล้ว ย่อมขาดอายุความ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๐๒ จึงเป็นหนี้ที่จะต้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๔(๑)
พิพากษายืน