โจทก์ฟ้องว่า (ก) จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ร่วมกันลักใบอินวอยซ์ปลอมของโจทก์ไป หรือมิฉะนั้นจำเลยทั้งสองได้รับใบอินวอยซ์ที่ถูกลักมาแล้วร่วมกันกรอกรายการอันเป็นเท็จ และปลอมลายมือชื่อเจ้าหน้าที่ของโจทก์ผู้มีอำนาจอนุมัติเงินเชื่อในใบอินวอยซ์ปลอมดังกล่าว แล้ว (ข) จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันนำใบอินวอยซ์ปลอมนั้นไปหลอกลวงเจ้าหน้าที่บริษัทสยามไซโลและอบพืช จำกัด เพื่อรับเอาปุ๋ยตามจำนวนในใบอินวอยซ์ปลอมไปรวมทั้งสิ้น ๑๑,๐๐๐ กระสอบ เป็นเงิน ๙๑๓,๐๐๐ บาทหรือมิฉะนั้น (ค) จำเลยที่ ๒ ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าปุ๋ย ๑๑,๐๐๐ กระสอบดังกล่าวเป็นปุ๋ยที่ได้มาจากการฉ้อโกงโจทก์ได้บังอาจรับปุ๋ยจำนวนดังกล่าวนั้นเพื่อค้ากำไรขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๘๔, ๒๖๔, ๒๖๕, ๒๖๘, ๓๓๔, ๓๓๕(๑๑), ๓๔๑, ๓๕๒ และ ๓๕๗
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ทุกข้อเคลือบคลุมพิพากษายกฟ้อง โดยไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ที่กล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันฉ้อโกงปุ๋ยของโจทก์จำนวน ๑๑,๐๐๐ กระสอบ ตามฟ้องข้อ (ข) และที่กล่าวหาว่าจำเลยที่ ๒ รับของโจรปุ๋ยจำนวนดังกล่าวตามฟ้องข้อ (ค) เป็นฟ้องเคลือบคลุมดังศาลชั้นต้นวินิจฉัย แต่ฟ้องของโจทก์ที่กล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจรใบอินวอยซ์และปลอมเอกสารใบอินวอยซ์ กับใช้เอกสารใบอินวอยซ์ปลอมไม่เคลือบคลุมพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ในฐานความผิดตามคำฟ้องของโจทก์ที่ไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฎีกาว่า ฟ้องโจทก์ที่กล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดฐานฉ้อโกงหรือฐานรับของโจร ไม่เคลือบคลุม
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ความผิดฐานฉ้อโกงและความผิดฐานรับของโจรมีองค์ประกอบแตกต่างกันมาก ความผิดฐานฉ้อโกงเป็นเรื่องผู้กระทำผิดได้ทรัพย์ด้วยการหลอกลวง แต่ความผิดฐานรับของโจร ทรัพย์ที่ได้มาด้วยการฉ้อโกงนั้น ผู้รับของโจรไม่ได้ไปหลอกลวงด้วย การที่จะฟ้องรวมกันมาเพื่อให้ศาลวินิจฉัยไปตามข้อเท็จจริงแห่งคดีว่าเป็นความผิดฐานใด ดังเช่นคำฟ้องคดีนี้ ข้อ (ข) บรรยายว่าจำเลยที่ ๒ ได้ปุ๋ยมาด้วยการนำใบอินวอยซ์ปลอมไปหลอกลวงเจ้าหน้าที่บริษัทสยามไซโลและอบพืช จำกัด แต่ฟ้องข้อ (ค) กลับว่า จำเลยที่ ๒ รับปุ๋ยรายเดียวกันนี้ไว้ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นปุ๋ยที่ได้มาจากการฉ้อโกงซึ่งแสดงว่าจำเลยที่ ๒ ไม่ได้ไปหลอกลวงด้วยจึงขัดแย้งกันจำเลยที่ ๒ ไม่อาจเข้าใจได้ว่า โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยที่ ๒ กระทำการอย่างใดแน่ย่อมต่อสู้คดีไม่ถูก ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ ๒ เฉพาะความผิดสองฐานนี้จึงเคลือบคลุมดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย
แต่คดีสำหรับจำเลยที่ ๑ นั้น โจทก์มิได้กล่าวหาว่าจำเลยที่ ๑กระทำผิดฐานรับของโจร ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ ๑ จึงไม่เคลือบคลุม
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นว่า ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ในข้อหาว่าจำเลยที่ ๑ กระทำการฉ้อโกงตามฟ้องข้อ (ข) ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์