โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไปจำนวน 50,000 บาท ยอมชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1.25 บาทต่อเดือน กำหนดชำระต้นเงินคืนภายในวันที่ 1 มกราคม 2535 หลังจากที่ได้รับเงินไปแล้วจำเลยไม่เคยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยจำนวน 58,750 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 1.25 ต่อเดือนนับแต่วันที่ 1 มกราคม 2534 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์แต่ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้อง (วันที่ 3 มีนาคม 2535) ไม่ให้เกิน8,750 บาท
จำเลยฎีกา โดยมีผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นได้รับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกว่าสัญญากู้ตามเอกสารหมาย จ.1 เป็นโมฆะหรือไม่ ซึ่งจำเลยฎีกาว่า สัญญากู้ตามเอกสารหมาย จ.1 ได้นำดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดรวมเป็นเงินต้นด้วยจึงเป็นโมฆะนั้น เห็นว่าปัญหาที่ว่าสัญญากู้ซึ่งมีดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดรวมเป็นเงินต้นด้วยเป็นโมฆะหรือไม่ เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยจึงยกขึ้นมาในชั้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสอง คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2534 จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไป50,000 บาท ยอมให้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 1.25 ต่อเดือน กำหนดชำระคืนภายในวันที่ 1 มกราคม 2535 แต่โจทก์เบิกความตอบคำถามค้านทนายจำเลยว่า จำนวนเงินในสัญญากู้ได้รวมดอกเบี้ยจำนวน8,000 บาทเศษไว้ด้วย จึงฟังได้ว่าต้นเงินที่กู้ยืมเป็นจำนวนเพียง42,000 บาท ส่วนอีก 8,000 บาท เป็นดอกเบี้ยที่โจทก์คิดจากจำเลยล่วงหน้าและนำไปรวมเป็นต้นเงินที่กู้ยืม ตามสัญญากู้เอกสารหมายจ.1 จำเลยต้องใช้เงินคืนภายใน 1 ปี ถ้าหากคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ15 ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดที่โจทก์มีสิทธิจะเรียกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654 ในต้นเงิน 42,000 บาทจะเป็นดอกเบี้ยเพียง 6,300 บาท ฉะนั้น ดอกเบี้ยที่โจทก์คิดจากจำเลยล่วงหน้าจำนวน 8,000 บาท จึงเป็นดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราพุทธศักราช 2475 มาตรา 3 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 654 เฉพาะดอกเบี้ยที่เกินอัตราจำนวน 8,000 บาท จึงเป็นโมฆะแต่หนี้เงินต้นจำนวน 42,000 บาท และข้อตกลงให้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 1.25 ต่อเดือน ยังคงสมบูรณ์ สัญญากู้ตามเอกสารหมาย จ.1 ไม่ตกเป็นโมฆะทั้งฉบับและในส่วนที่สมบูรณ์โจทก์ย่อมนำมาใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมฟ้องร้องบังคับคดีได้ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน
ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยในข้อต่อไปที่ว่า จำเลยได้ชำระหนี้เงินกู้นั้นให้แก่โจทก์แล้วหรือไม่"
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงิน 42,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 1.25 ต่อเดือนนับแต่วันที่ 1 มกราคม 2534จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์