เดิมที่พิพาทสองแปลงนี้เป็นของเจ้าของเดียวกัน แล้วโอนรับมรดกต่อมา โฉนดที่ ๑๙๔๖ โอนขายให้โจทก์เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๗ โฉนดที่ ๑๗๑๙ โอนขายให้แก่จำเลยเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๕ แต่การครอบครองที่รายนี้โจทจำเลยครอบครองไขว้กัน คือโจทก์ครอบครองลงที่ดินโฉนดที่ ๑๗๑๙ จำเลยครอบครองที่ดินโฉนดที่ ๑๘๔๖
โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยรับโฉนดที่ ๑๙๔๖ และส่งโฉนดที่ ๑๗๑๙ ให้โจทก์ และสั่งหอทะเบียนแก้โฉนดให้ตรงต่อความจรงิ ฝ่ายจำเลยกลับฟ้องห้ามไม่ให้โจทก์เกี่ยวข้องที่ดินโฉนดที่ ๑๗๑๙
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ฝ่ายจำเลยชนะคดี
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ฝ่ายโจทก์ชนะคดี
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาตัดสินว่า โจทก์มีสิทธิขอให้จำเลยส่งโฉนดมาแก้เป็นชื่อของโจทก์ได้ เพราะโจทก์จำเลยซื้อที่นาไม่ได้ซื้อโฉนด โจทก์จำเลยได้ปกครองที่ที่ตนซื้อโดยความเต็มใจ ไม่ได้คำนึงถึงหน้าโฉนด เมื่อปรากฎว่าโฉนดไขว้กัน โจทก์ย่อมขอให้ศาลบังคับให้โฉนดเป็นไปตามความจริงได้ จำเลยไม่มีสิทธิขัดขวาง ข้อที่จำเลยเถียงว่าโจทก์ไม่ใช่คู่สัญญากับจำเลยฟังไม่ขึ้น เพราะเรื่องเช่นนี้ไม่จำเป็นไม่ใช่คู่สัญญากับจำเลยฟังไม่ขึ้น เพราะเรื่องเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นคู่สัญญาโจทก์มาขออำนาจศาลให้โฉนดตรงกับที่ดินที่ตนซื้อไว้เท่านั้น เรื่องเช่นนี้ไม่เกี่ยวกับสัญญาซื้อขายที่ดิน จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์