โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นพนักงานที่ดิน จำเลยได้ลบคำว่า 7 กุมภาพันธ์ 2504 ซึ่งเป็นวันออกโฉนด และลบลายมือชื่อของจำเลยที่ลงไว้ในตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดิน ออกจากโฉนดที่ 13498 ซึ่งมีชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ จำเลยได้ส่งโฉนดดังกล่าวเพื่อเป็นพยานในศาล และจำเลยรับรองว่าโฉนดที่ดินดังกล่าวยังไม่เป็นโฉนดที่สมบูรณ์ คงเป็นแบบพิมพ์ธรรมดาคำรับรองของจำเลยเป็นความเท็จเพราะโฉนดนั้นสมบูรณ์แล้ว การกระทำของจำเลยเป็นการปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ จำเลยใช้เอกสารปลอมนั้นโดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 158,161, 162, 264, 265 และ 268
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โฉนดรายนี้ยังไม่ได้แจกให้โจทก์ยังเป็นโฉนดที่อยู่ในระหว่างดำเนินการของเจ้าหน้าที่ การที่จำเลยจัดการลบวันเดือนปีและลบลายเซ็นชื่อของจำเลย ไม่ใช่เป็นเรื่องการปลอมเอกสารหรือใช้เอกสารปลอม และมิใช่จำเลยกระทำไปโดยเจตนาทุจริตคิดมิชอบแต่อย่างไร จำเลยยังไม่มีความผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โฉนดของโจทก์ได้จัดทำเสร็จแล้วโจทก์เซ็นรับเป็นหลักฐานไว้แล้ว ถือว่าโจทก์ได้รับแจกโฉนดแล้วการที่จำเลยลบวันเดือนปีและลบลายมือชื่อของจำเลยในโฉนดนั้นเป็นการปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 อันเป็นกระทงหนัก ให้จำคุก 1 ปี
ผู้ทำการแทนอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์มีความเห็นแย้งว่าแม้ยังไม่เป็นโฉนดที่ได้ออกให้ผู้เป็นเจ้าของรับไป แต่ก็เป็นเอกสารตามความหมายในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(7)(8) แล้ว จำเลยยังไม่ได้มอบเอกสารนั้นให้แก่เจ้าของที่ดิน หากจะได้ให้ผู้รับโฉนดเซ็นชื่อรับไว้พร้อมแล้วก็เป็นแต่การตระเตรียมการล่วงหน้า การรับจริงยังไม่มี จำเลยเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งลงลายมือในโฉนดนั้นได้ขีดฆ่าลายมือชื่อของตนเอง มิใช่เป็นการปลอมเอกสารของใครอื่นไม่เป็นปลอมเอกสาร ควรพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาว่าไม่เป็นความผิด
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักกว่าที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษ
ศาลฎีกาตรวจสำนวนฟังแถลงการณ์ทนายโจทก์ทนายจำเลยแล้วเห็นว่าความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 158 นั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกเสีย โจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านข้อหาดังกล่าวนี้จึงยุติคงมีปัญหาแต่ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161, 162(4), 266(1) และ 268 หรือไม่
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โฉนดที่ 13498 ที่โจทก์ขอออกโฉนดสำหรับที่ดินของโจทก์นั้น เจ้าพนักงานได้ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ประกาศแจกโฉนดให้โจทก์แล้วโจทก์มาขอรับ เซ็นชื่อรับและเสียค่าธรรมเนียมแล้วแต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้มอบโฉนดให้โจทก์ไป ต่อมาโจทก์ถูกฟ้องขับไล่ให้ออกจากที่ดินแปลงที่ขอออกโฉนดนี้ โจทก์อ้างโฉนดนี้เป็นพยานศาลเรียกโฉนดจากจำเลย จำเลยได้ลบ 7 กุมภาพันธ์ 2504 และลายเซ็นชื่อของจำเลยที่เซ็นไว้ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานที่ดินในโฉนดนั้นเสียแล้วมีหนังสือนำส่งไปศาล แจ้งต่อศาลว่า โฉนดที่ดินรายนี้ยังไม่เป็นโฉนดที่สมบูรณ์ คงเป็นแบบพิมพ์ธรรมดาซึ่งยังอยู่ในระหว่างดำเนินการของเจ้าหน้าที่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ดังนี้ ปัญหามีว่า จำเลยจะมีความผิดฐานปลอมเอกสารหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อยังไม่ได้มอบโฉนดให้โจทก์ถือไม่ได้ว่าที่ดินรายนี้ได้ออกโฉนดแล้ว และโฉนดรายนี้ยังเป็นเอกสารที่อยู่ในความยึดถือหรือในความรับผิดชอบของพนักงานเจ้าหน้าที่ และถือได้ว่ายังอยู่ในระหว่างดำเนินการของเจ้าหน้าที่ เมื่อมีเหตุเปลี่ยนแปลงจำเลยซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการออกโฉนด ย่อมมีอำนาจที่จะแก้ไขเสียได้ เช่นคดีนี้มีผู้ขออายัดการออกโฉนด จำเลยย่อมมีอำนาจไม่แจกโฉนด เมื่อโจทก์ขออ้างโฉนดไปยังศาล จำเลยเกรงว่าจะเป็นโฉนดที่สมบูรณ์ จำเลยจึงลบวันเดือนปีและชื่อของตนเสีย เพื่อให้เห็นว่าเอกสารนี้ยังไม่เป็นโฉนด การกระทำของจำเลยไม่เป็นการปลอมเอกสารดังที่โจทก์ฟ้องที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดฐานปลอมเอกสาร ศาลฎีกาไม่เห็นด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น ฎีกาโจทก์ไม่จำต้องวินิจฉัย
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์และยกฎีกาโจทก์