คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 204/2510

คดีก่อน แม้ศาลจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานแต่งกายโดยใช้เครื่องแต่งกายคล้ายเครื่องแบบทหารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 146 ด้วย แต่มิได้พิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มิได้กำหนดโทษตามมาตรา 146 ไว้หากไปลงโทษตามพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหารซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 1 ปี 6 เดือน ทั้งก็รู้ไม่ได้ว่าถ้าศาลจะกำหนดโทษจำคุกตามมาตรา 146 (ซึ่งมีระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี) ศาลจะกำหนดต่ำกว่า 6 เดือน หรือไม่ เหตุนี้จึงว่าจำเลยกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 146 มีโทษจำคุกกว่า 6 เดือนมาแล้วตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 ยังไม่ได้

โจทก์ฟ้องว่า (ก) จำเลยแสดงตนเป็นร้อยเอกทหารบก (ข) จำเลยหลอกลวงนายสุทินเอาเงิน 3,000 บาท กับสิ่งของไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย ก่อนคดีนี้จำเลยเคยถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกมาแล้วหลายครั้ง ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษ

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาวางโทษจำคุก เพิ่มโทษ 1 ใน 3

โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลชอบจะเพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 93

ศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิ่มโทษ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 92

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จะเพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 93 นั้น จำเลยต้องได้รับโทษจำคุกในความผิดเดียวกันมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 เดือน แต่ความผิดที่โจทก์ฎีกาขอให้เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งอ้างว่าจำเลยกระทำผิดซ้ำในคดีนี้นั้น ศาลจังหวัดเชียงใหม่พิพากษาลงโทษตามพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหาร พ.ศ. 2477 มิได้พิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา แม้จะพิพากษาว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 146 ด้วย แต่ก็มิได้กำหนดโทษมาตรานี้ไว้ด้วย หากไปลงโทษตามพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหารซึ่งเป็นบทหนักทั้งก็รู้ไม่ได้ว่าถ้าศาลจะกำหนดโทษจำคุกตามมาตรา 146 จะกำหนดต่ำกว่า 6 เดือนหรือไม่ เหตุนี้ จึงว่าจำเลยกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 146 มีโทษจำคุกกว่า 6 เดือนมาแล้ว ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 93 ยังไม่ได้ ศาลอุทธรณ์ไม่เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งชอบแล้ว

พิพากษายืน