โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย แล้วตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันศาลชั้นต้นพิพากษาคดีตามยอม คดีถึงที่สุด ต่อมาจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญายอมโจทก์จึงขอให้ศาลบังคับ เจ้าพนักงานบังคับคดียึดเครื่องมือทำฟันพร้อมอุปกรณ์1 ชุดของจำเลย โดยตีราคา 20,000 บาท แต่ในการขายทอดตลาดครั้งแรกมีผู้ประมูลราคาสูงสุดเพียง 1,600 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงให้เลื่อนการขายทอดตลาดไปจำเลยยื่นคำร้องว่า ทรัพย์ที่ถูกยึดเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการเลี้ยงชีพราคาไม่เกิน10,000 บาท ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 285
ศาลชั้นต้นยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์โต้แย้งในคำแก้ฎีกาว่า คดีนี้ทรัพย์สินที่พิพาทมีราคาไม่เกิน 50,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น เมื่อกรณีพิพาทเป็นเรื่องในชั้นบังคับคดีว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีจะยึดทรัพย์รายนี้ได้หรือไม่ จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
ที่จำเลยฎีกาว่า เครื่องมือทำฟันที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้เป็นเครื่องมือหรือเครื่องใช้ในการเลี้ยงชีพของจำเลย มีราคาไม่เกิน 10,000 บาท จึงไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 285 นั้น เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์รายนี้วันที่ 10 พฤศจิกายน2521 โดยตีราคาทรัพย์ที่ยึดไว้ 20,000 บาท จำเลยก็ทราบการยึดในวันนั้นเพราะจำเลยอยู่ด้วย แต่จำเลยก็มิได้คัดค้าน ข้ออ้างของจำเลยเป็นการโต้แย้งว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะนี้เกี่ยวด้วยการบังคับคดี ดำเนินการยึดทรัพย์ฝ่าฝืนมาตรา 285 จำเลยจึงชอบที่จะยื่นคำร้องให้เพิกถอนการบังคับคดีนั้นเสียไม่ช้ากว่า 8 วัน นับแต่วันทราบการฝ่าฝืนตามมาตรา 27 และมาตรา 296 วรรคสอง แต่จำเลยยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน2522 พ้นเวลาที่กฎหมายกำหนดมาช้านานแล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายืน