คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม2530 และพิพากษาให้จำเลยล้มละลายเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2531ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเช่าโรงงานประกอบรถยนต์ซึ่งเป็นทรัพย์ในกองทรัพย์สินของจำเลยจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ต่อมาเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2533 ผู้ร้องได้รับสำเนาหนังสือแจ้งความของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ถึงผู้ร้องให้ชำระหนี้ 50,000,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่กองทรัพย์สินของจำเลย โดยผู้ร้องไม่เคยได้รับหนังสือแจ้งความดังกล่าว ผู้ร้องจึงได้ยื่นคำร้องปฏิเสธหนี้ตามหนังสือดังกล่าวพร้อมด้วยเหตุผลที่ยื่นหนังสือปฏิเสธหนี้ล่าช้าแต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งว่าผู้ร้องได้รับหนังสือแจ้งความโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วไม่ปฏิเสธหนี้ภายใน 14 วันนับแต่วันรับจึงขอให้ศาลเพิกถอนหนังสือแจ้งความของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฉบับลงวันที่ 2 เมษายน 2533
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คัดค้านว่า ผู้ร้องได้รับหนังสือแจ้งความชำระหนี้ไว้โดยชอบ ผู้ร้องมิได้ปฏิเสธหนี้ภายในกำหนด ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำฟ้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ร้องได้เช่าโรงงานประกอบรถยนต์ ซึ่งเป็นทรัพย์ในกองทรัพย์สินของจำเลยจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหนังสือแจ้งความฉบับลงวันที่ 2 เมษายน 2533ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับให้ผู้ร้องชำระเงินค่าเสียหายฐานผิดสัญญาดังกล่าวจำนวน 50,000,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่กองทรัพย์สินของจำเลยในคดีล้มละลาย คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาผู้ร้องข้อแรกว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจแจ้งความเป็นหนังสือให้ผู้ร้องชำระหนี้ กรณีเช่นนี้ตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22(1) ฉะนั้นเมื่อมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่อันเนื่องมาจากสัญญาเช่าระหว่างเจ้าพนักงานพิทักษ์กับผู้ร้อง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ชอบที่จะใช้สิทธิฟ้องผู้ร้องตามมาตรา 22(3) จะใช้วิธีแจ้งความเป็นหนังสือให้ผู้ร้องชำระเงินตามมาตรา 119 หาได้ไม่ เพราะไม่ใช่กรณีที่จำเลยมีสิทธิเรียกร้องต่อผู้ร้องอันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะจัดการรวบรวมทรัพย์สินของจำเลยตามมาตรา 22(2) การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหนังสือแจ้งความให้ผู้ร้องชำระเงินกรณีนี้จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย และปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ผู้ร้องเพิ่งยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นนี้ศาลฎีกาก็วินิจฉัยให้ได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาผู้ร้องข้ออื่นอีกต่อไป ฎีกาผู้ร้องฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนหนังสือแจ้งความของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฉบับลงวันที่ 2 เมษายน 2533