โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อมไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ ขอให้จำเลยเปิดทางในที่ดินของจำเลยเพื่อให้โจทก์มีทางเดินออกสู่ทางสาธารณะ โดยโจทก์ยินยอมเสียค่าทดแทนให้
จำเลยทั้งหมดให้การทำนองเดียวกันว่า ทางด้านทิศเหนือของที่ดินโจทก์อยู่ติดคลองสาธารณะ ด้านทิศใต้ก็มีทางออกสู่ถนนซึ่งเป็นทางสาธารณะโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็น ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่ดินของโจทก์ด้านทิศเหนืออยู่ติดลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งตื้นเขินสามารถใช้เป็นทางเดินสู่ทางสาธารณะได้พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ทางด้านทิศเหนือของที่ดินโจทก์อยู่ติดลำรางสาธารณประโยชน์ที่ตื้นเขินและใช้เป็นทางเดินออกสู่ทางสาธารณะได้ และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า แม้ลำรางสาธารณประโยชน์ดังกล่าวจะใช้เป็นทางเดินออกสู่ทางสาธารณะได้ แต่ก็ไม่สะดวกเพราะเวลาฝนตกมีโคลนเลน โจทก์ต้องออกด้วยความยากลำบาก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 วรรคสอง บัญญัติยกเว้นทางออกที่ไม่ต้องห้ามในการขอเปิดทางจำเป็นไว้ 4 อย่างคือ ทางออกที่ต้องข้ามสระ บึง ทะเล หรือที่ชันอันระดับที่ดินกับทางสาธารณะสูงกว่ากันมาก ส่วนทางออกที่มีโคลนเลนในเวลาฝนตกนั้น หาอยู่ในข้อยกเว้นตามมาตรา 1349 วรรคสองไม่ เมื่อที่ดินของโจทก์มิได้ตกอยู่ในที่ล้อม เพราะมีทางอันแปรสภาพมาจากลำรางสาธารณประโยชน์ที่ตื้นเขิน เป็นทางเดินออกสู่คลองสามเสน ซึ่งเป็นทางสาธารณะได้เช่นนี้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิอ้างความจำเป็นเพื่อผ่านที่ดินของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 ได้
พิพากษายืน