โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน8,160 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ เกิดเหตุเมื่อวันที่ 4มิถุนายน 2526 แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2527เกินอายุความฟ้องร้อง 1 ปี แล้ว
ศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน8,160 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2526 จำเลยได้ขับรถยนต์ชนหลักกันโค้งและเสาไฟฟ้าของโจทก์เสียหาย เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2526 นายวิเชียร เทียนดำนายช่างโยธาแขวงการทางกรุงเทพได้มีหนังสือให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ จำเลยไม่ชำระ ต่อมาวันที่ 29 พฤษภาคม 2527 นายนิคมขจรศรีเดช นิติกร 7 ได้ทำบันทึกเสนอรองอธิบดีกรมทางหลวง และรองอธิบดีกรมทางหลวงได้บันทึกต่อท้ายเสนอให้นายมนัส คอวนิชอธิบดีกรมทางหลวงทราบในวันเดียวกัน ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.10คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาเพียงเรื่องอายุความซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้น ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยทำละเมิดเมื่อวันที่ 4มิถุนายน 2526 นายวิเชียร เทียนดำ นายช่างโยธาแขวงการทางกรุงเทพเจ้าหน้าที่ของโจทก์ซึ่งเป็นนิติบุคคล รู้ถึงการละเมิดและรู้ว่าจำเลยเป็นผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม2526 ถือว่าโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันดังกล่าว โจทก์มาฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 19กันยายน 2527 ซึ่งเป็นเวลาเกินกว่าหนึ่งปี คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลระหว่างเกิดเหตุมีนายมนัส คอวนิช เป็นอธิบดี นายมนัสจึงเป็นผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์แต่เพียงผู้เดียวการที่เจ้าหน้าที่ระดับล่างของโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนจะถือว่าโจทก์ทราบด้วยไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ดังกล่าวไม่ใช่ผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์ ดังนั้นเมื่อนายมนัสอธิบดีกรมทางหลวงรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2527 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2527 ฟ้องของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448..."
พิพากษายืน.