โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์ไป ๑๕,๐๐๐ บาท แล้วจำเลยผิดนัด ขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การว่า ไม่เคยกู้เงินโจทก์ โจทก์ไม่ใช่คู่สัญญา ขอให้ยกฟ้อง
ชั้นพิจารณา ศาลนัดสืบพยานโจทก์ ทนายจำเลยทราบนัดแล้วไม่มาศาล ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่า จำเลยขาดนัดพิจารณา ทำการสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาให้จำเลยชำระต้นเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท ดอกเบี้ย ๕,๖๒๕ บาท และดอกเบี้ยแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์
จำเลยยื่นคำร้องว่า มีงานล้นมือ จึงพลั้งเผลอหลงลืมวันนัด ขอให้ศาลพิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นได้นัดพิจารณาพยานโจทก์ซึ่งทนายจำเลยได้ทราบวันนัดแล้วไม่มาศาล อันเป็นวันสืบพยานตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑(๑๐)ได้บัญญัติให้คำวิเคราะห์ไว้แล้วว่า หมายถึงวันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยาน เมื่อจำเลยไม่มาศาลในวันเริ่มต้นทำการสืบพยาน ก็ได้ชื่อว่าขาดนัดพิจารณาตามมาตรา ๑๙๗(๒) และ ๒๐๒ ที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาเป็นการชอบแล้ว ข้อที่อ้างว่าทนายจำเลยพลั้งเผลอหลงลืมก็ไม่ใช่เหตุสมควรที่จะขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามมาตรา ๒๐๙ ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน