ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่: ศาลฎีกาวินิจฉัยฟ้องไม่เคลือบคลุมแม้ระบุที่อยู่ต่างแขวง และอำนาจฟ้องมีอยู่เนื่องจากกรรมสิทธิ์โอนแล้ว
แม้ฟ้องโจทก์จะระบุว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่ตึกแถวเลขที่ 60 แขวงสัมพันธวงศ์เขตสัมพันธวงศ์ แต่บรรยายฟ้องว่าตึกแถวเลขที่ 60 ที่พิพาทอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 3389 แขวงจักรวรรดิ์ เขตสัมพันธ์วงศ์ ซึ่งต่างแขวงกันก็ ตาม แต่ตามฟ้องของโจทก์ก็ได้บรรยายว่าตึกแถวเลขที่ 60 ที่พิพาทกันนี้เดิมจำเลยเช่าจาก ฉ. แล้วต่อมาได้ ซื้อกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 3389 พร้อมกับตึกแถวพิพาท จาก ฉ. ดังนี้ เห็นได้ว่าตึกแถวเลขที่ 60 ที่จำเลย เช่าจาก ฉ. มีอยู่ห้องเดียวคือที่ปลูกอยู่บนที่ดิน โฉนดเลขที่ 3389 ที่โจทก์ฟ้องขับไล่นั่นเอง ทั้ง จำเลยยังได้อ้างหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินโฉนดเลขที่ 3389 และตึกแถวเลขที่ 60 ระหว่างโจทก์กับ ฉ. ประกอบ คำให้การของจำเลยอีกด้วย จำเลยจึงเข้าใจฟ้องได้ดีว่า ตึกแถวพิพาทอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 3389 ที่โจทก์ซื้อ จาก ฉ. ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม และที่ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากตึกแถวเลขที่ 60 แขวงสัมพันธ์วงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ จึงไม่เป็นการเกินคำขอ
โจทก์ซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรวมทั้งตึกแถวพิพาทจาก ฉ.ชำระราคาบางส่วนด้วยเช็คเงินสดฉ. จึงทำสัญญาขายและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์ส่วนราคาที่เหลือโจทก์ออกเช็คสั่งจ่ายล่วงหน้าให้ ฉ. ไว้ ดังนี้ กรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ ซื้อขายกันได้โอนไปยังโจทก์ตั้งแต่วันจดทะเบียนแล้ว การ ซื้อขายรายนี้หาได้มีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาบังคับไว้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 459 ไม่ โจทก์จึงมี อำนาจฟ้อง
ข้อที่จำเลยยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การ แต่ ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นไว้ และจำเลยมิได้ โต้แย้งการกำหนดประเด็นของศาลชั้นต้น ถือว่าจำเลยยินยอม ดำเนินกระบวนพิจารณาเท่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นไว้เท่านั้น การที่จำเลยยกข้อต่อสู้นี้ขึ้นฎีกาจึงเป็นฎีกานอกประเด็น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย