โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 มีและใช้อาวุธปืน 1 กระบอก ซึ่งไม่ได้จดทะเบียน และมีกระสุนปืน 2 นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2512 จำเลยที่ 1, 3 ร่วมกันมีและใช้ปืนดังกล่าวยิงพยายามฆ่านายเดช ภายศรี หลายนัดโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ต่อมาวันที่30 ธันวาคม 2512 จำเลยทั้งสามยังร่วมกันมีและใช้ปืนนั้นยิงพยายามฆ่านายเดชอีก 1 นัด โดยไตร่ตรองไว้ก่อน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289, 80, 83 และตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 และ 289 ประกอบมาตรา 80 ให้ลงโทษตามมาตรา 289 ประกอบมาตรา 80 ซึ่งเป็นกระทงหนักที่สุด จำเลยที่ 2มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ประกอบมาตรา 80 และจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 3 วางโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ประกอบมาตรา 80 ซึ่งเป็นกระทงหนักที่สุด จำคุกคนละ 18 ปี ลดโทษหนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุกคนละ 12 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 3
จำเลยที่ 1, 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, 80 เฉพาะการกระทำผิดในวันที่ 29ธันวาคม 2512 นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ 1, 2 ฎีกา
เฉพาะข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าในความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ นั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยศาลทั้งสองฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า จำเลยทั้งสองมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 3 ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี แม้ศาลชั้นต้นจะมิได้กำหนดโทษในความผิดฐานนี้ไว้ก็ตาม แต่ก็จะกำหนดโทษเกิน 5 ปีไม่ได้ เพราะฉะนั้นจำเลยทั้งสองจะฎีกาข้อเท็จจริงในข้อหานี้ไม่ได้
พิพากษายืน