โจทก์ฟ้องว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นข้าราชการตำรวจ มีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวน ๘๙ หลอด และจำหน่ายเฮโรอีนดังกล่าวจำนวน ๓ หลอดให้แก่สายลับผู้ไปล่อซื้อขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗, ๑๕,๖๖, ๑๐๐, ๑๐๒
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกระทงหนึ่งจำคุก ๑๐ ปี และผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีน ๓ หลอดน้ำหนักไม่เกิน ๑ กรัมอีกกระทงหนึ่งจำคุก ๕ ปี ขณะเกิดเหตุจำเลยรับราชการเป็นตำรวจกระทำผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีน ต้องระวางโทษเป็นสามเท่าของโทษที่กำหนดไว้ตามมาตรา ๑๐๐ เป็นจำคุก ๑๕ ปี รวมจำคุก ๒๕ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑๖ ปี ๘ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยกระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้องและวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำเลยฐานจำหน่ายเฮโรอีน ๓ หลอดน้ำหนักไม่เกิน ๑ กรัม จำคุก ๕ ปี ขณะเกิดเหตุจำเลยรับราชการเป็นตำรวจกระทำผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนต้องระวางโทษเป็นสามเท่าของโทษที่กำหนดไว้ตามมาตรา ๑๐๐ เป็นจำคุก ๑๕ ปีนั้น เห็นว่าการลงโทษดังกล่าวยังไม่ถูกต้อง เพราะตามมาตรา ๑๐๐ เป็นบทบัญญัติที่ทำให้ผู้กระทำผิดต้องรับโทษหนักขึ้นมิใช่บทเพิ่มโทษการที่ศาลชั้นต้นกำหนดโทษจำเลยตามมาตรา ๖๖ ก่อน แล้วจึงระวางโทษเป็นสามเท่าของโทษที่ศาลชั้นต้นกำหนดนั้น เท่ากับเป็นการเพิ่มโทษแก่จำเลยเป็นสามเท่าของโทษที่ศาลกำหนด หาใช่ลงโทษจำเลยในระวางสามเท่าของโจทก์ที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นไม่ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะกระทงความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีน จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๖ ประกอบมาตรา ๑๐๐ ให้จำคุก ๑๕ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์