โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283,318, 91, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยกับพวกได้ใช้อุบายหลอกลวงเพื่อเป็นธุระจัดหา ล่อไป ชักพาผู้เยาว์ทั้งสองซึ่งอายุไม่เกิน 14 ปีไปเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่น และพรากผู้เยาว์ทั้งสองอายุกว่า15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดามารดาโดยที่ผู้เยาว์ทั้งสองไม่เต็มใจไปด้วยเพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจาร พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคสอง และมาตรา 318วรรคสาม รวม 2 กระทง การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคสอง อันเป็นบทหนักที่สุด จำคุกกระทงละ 10 ปี รวมจำคุก 20 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "...ที่จำเลยฎีกาทำนองว่า การกระทำของจำเลยต่อนางสาวเป็งและนางสาวจรูญเป็นการกระทำกรรมเดียว ที่ศาลพิพากษาเรียงกระทงลงโทษจำเลยมาไม่ชอบนั้น ข้อนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยใช้อุบายหลอกลวงนางสาวเป็งและนางสาวจรูญ อ้างว่าจะพาไปทำงานที่จังหวัดแพร่ เมื่อผู้เยาว์ทั้งสองตกลง จำเลยกลับพาผู้เยาว์ทั้งสองไปขายให้เป็นหญิงโสเภณีที่จังหวัดปัตตานี ดังนี้เห็นได้ว่าที่จำเลยหลอกลวงผู้เยาว์ทั้งสองก็โดยเจตนาจะให้เกิดผลต่างกรรมกัน แม้จะพาไปในครั้งเดียวคราวเดียวก็เป็นการกระทำต่อผู้เยาว์แต่ละคนโดยเฉพาะ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารรวม 2 กระทงชอบแล้ว ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกันแต่ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า การพาหญิงไปเพื่อการอนาจารกับความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคสอง และมาตรา 318 วรรคสามเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทต้องลงโทษตามมาตรา283 วรรคสาม ซึ่งเป็นบทหนักนั้น ศาลฎีกาเห็นว่ายังไม่ถูกต้องเพราะที่จำเลยพาผู้เยาว์ทั้งสองไปเพื่อการอนาจาร ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาที่จะให้เกิดความผิดในฐานนี้ฐานหนึ่งแล้ว การที่จำเลยพรากผู้เยาว์ทั้งสองไปเสียจากบิดามารดาก็โดยเจตนาจะให้เกิดความผิดในฐานนั้นอีกฐานหนึ่งต่างหาก การกระทำของจำเลยจึงเป็นหลายกรรมต่างกันตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 398/2520 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดระยอง โจทก์ นายรุ่ง ธรรมยิ่ง จำเลย แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานพรากผู้เยาว์ตามมาตรา 318 วรรคสาม ด้วยศาลฎีกาจึงไม่อาจเพิ่มโทษจำเลยให้หนักไปกว่าโทษตามคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองได้ แต่เห็นสมควรปรับบทลงโทษจำเลยเสียให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 318 วรรคสาม อีก 2 กระทง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์".