กรณีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268, 335 และ 341ที่แก้ไขแล้ว ฐานปลอมเอกสาร ใช้เอกสารปลอมลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมรวม 51 กระทง จำคุกกระทงละ 2 เดือน รวมจำคุก 8 ปี 6 เดือน ฐานปลอมเอกสารสิทธิ ใช้เอกสารสิทธิปลอมและฉ้อโกง ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมซึ่งเป็นบทหนักตามมาตรา 90 รวม 25 กระทง จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวมจำคุก 12 ปี 6 เดือน ฐานลักทรัพย์รวม 19 กระทงจำคุกกระทงละ 1 ปี รวมจำคุก 19 ปี ฐานฉ้อโกงรวม 20 กระทง จำคุกกระทงละ 3 เดือน รวมจำคุก 5 ปี รวมโทษจำคุกทุกกระทงมีกำหนด44 ปี 12 เดือน จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 22 ปี 6 เดือน เนื่องจากประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91(2) ที่แก้ไขแล้ว ห้ามมิให้ลงโทษจำคุกเกิน 20 ปี จึงให้จำคุกจำเลยไว้ 20 ปี นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2390/2528 ของศาลชั้นต้น
จำเลยยื่นคำร้องว่า คดีนี้กับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2390/2528ที่ศาลชั้นต้นให้นับโทษต่อเป็นความผิดซึ่งเกิดในคราวเดียวกัน ลักษณะและพฤติการณ์แห่งคดีเหมือนกัน เจ้าพนักงานจับกุมในคราวเดียวกันผู้เสียหายเป็นบุคคลคนเดียวกัน ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นับโทษจำเลยใหม่ โดยเมื่อนับโทษจำเลยติดต่อกันทั้ง 2 คดีแล้ว ต้องไม่เกิน20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2)
ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ถึงที่สุดแล้วห้ามมิให้แก้ไขคำพิพากษาซึ่งอ่านแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 190 ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ไม่ให้นับโทษจำคุกจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2390/2528 ของศาลชั้นต้น และให้นับโทษจำคุกจำเลยคดีนี้ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2530 เป็นต้นไปให้หักวันที่จำเลยถูกคุมขังในคดีนี้มาแล้ว 76 วันออกให้
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ตามฎีกาของจำเลยซึ่งโจทก์และโจทก์ร่วมมิได้แก้ฎีกาคัดค้านฟังได้ว่า คดีนี้กับคดีที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้นับโทษต่อคือคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2390/2528 ของศาลชั้นต้นเป็นความผิดซึ่งเกิดขึ้นในคราวเดียวกัน ลักษณะและพฤติการณ์แห่งคดีเหมือนกัน เจ้าพนักงานจับกุมในคราวเดียวกันและผู้เสียหายเป็นบุคคลเดียวกัน กับทั้งความผิดทั้งสองสำนวนเกิดขึ้นและปรากฏต่อพนักงานสอบสวนก่อนวันที่ 8 มีนาคม 2528 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยถูกจับกุมในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2390/2528 ของศาลชั้นต้น ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า ควรให้นับโทษจำเลยในคดีนี้ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2528 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยถูกขังในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2390/2528 ของศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า ความผิดของจำเลยทั้งสองสำนวนนี้เกี่ยวพันกัน และความผิดในคดีนี้ปรากฏต่อพนักงานสอบสวนก่อนโจทก์ฟ้องคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2390/2528ของศาลชั้นต้นแล้ว เห็นได้ว่าโจทก์อาจยื่นฟ้องจำเลยทุกกระทงความผิดเป็นสำนวนเดียวกันได้ ซึ่งในกรณีเช่นนี้ศาลลงโทษจำคุกจำเลยได้ไม่เกินยี่สิบปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) ดังนั้น แม้ว่าโจทก์จะแยกฟ้องจำเลยเป็นสองสำนวนและขอให้นับโทษต่อกันก็ตามแต่เมื่อรวมโทษจำคุกที่จำเลยจะได้รับแล้วก็ต้องไม่เกินยี่สิบปีตามนัยของบทกฎหมายดังกล่าว และเมื่อคดีนี้ศาลลงโทษจำเลยทุกกรรมโดยจำคุกจำเลยเต็มตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2)แล้ว ศาลจะนับโทษจำเลยต่อจากคดีแรกคือ คดีอาญาหมายเลขแดงที่2390/2528 ของศาลชั้นต้นอีกไม่ได้ แต่ปรากฏจากคำฟ้องว่าระหว่างสอบสวนจำเลยไม่ถูกควบคุมตัวในคดีนี้ โดยถูกคุมขังอยู่ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2390/2528 ของศาลชั้นต้น เพราะฉะนั้นในการคำนวณระยะเวลาจำคุกในคดีนี้ก็ต้องหักจำนวนวันที่จำเลยถูกคุมขังในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2390/2528 ของศาลชั้นต้น จากระยะเวลาจำคุกตามคำพิพากษาในคดีนี้ ทั้งนี้เพื่อมิให้จำเลยต้องรับโทษจำคุกเกินกำหนดตามเจตนารมณ์ของกฎหมายดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91(2) ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้หักวันที่จำเลยถูกคุมขังในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2390/2528 ของศาลชั้นต้น ก่อนที่จะถูกคุมขังในคดีนี้ให้ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์".