คดีนี้สืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยทำหนังสือมอบอำนาจให้แก่โจทก์ เพื่อให้โจทก์มีสิทธิและอำนาจดำเนินการขุดแร่ หรือโอนขายประทานบัตรและอื่นๆ เช่นเดียวกับหนังสือมอบอำนาจที่ ๑๓๙/๒๕๐๘ ซึ่งจำเลยได้เคยทำให้แก่โจทก์ และถอนการมอบอำนาจนายวัฒนะ ตามหนังสือมอบอำนาจที่ ๕๖/๒๕๒๐
จำเลยให้การว่า สัญญาให้โจทก์เข้าทำเหมืองแร่สิ้นสุดไปแล้ว การทำเหมืองแร่เป็นสิทธิเฉพาะตัวโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า นายวัฒนะผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยได้เข้าทำเหมืองแร่ในประทานบัตรที่พิพาท ขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองสิทธิของโจทก์ ห้ามจำเลยและนายวัฒนะทำเหมืองขุดหาแร่ในที่ประทานบัตรรายนี้ เพื่อมิให้จำเลยกระทำผิดสัญญาตามที่ถูกฟ้องร้อง และทำให้สิ้นเปลืองซึ่งแร่ดีบุกอันเป็นสิทธิของโจทก์ พร้อมทั้งยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนฉุกเฉิน
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของโจทก์แล้ว มีคำสั่งห้ามจำเลยเข้าทำเหมืองขุดหาแร่ในที่ประทานบัตรพิพาทตั้งแต่วันมีคำสั่ง
จำเลยยื่นคำร้อง ขอให้ศาลมีคำสั่งถอนคำสั่งห้ามชั่วคราวดังกล่าว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกเลิกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยเข้าทำเหมืองขุดแร่ในที่ประทานบัตรพิพาท ซึ่งออกตามคำขอของโจทก์ในเหตุฉุกเฉิน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยว่า (๑) การที่โจทก์มีคำขอให้ศาลสั่งห้ามชั่วคราวมิใช่จำเลยและนายวัฒนะผู้รับมอบอำนาจเข้าทำเหมืองแร่ตรงกับการกระทำที่จำเลยถูกฟ้อง ซึ่งศาลจะต้องรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ (๒) มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ตามคำร้องของโจทก์หรือไม่
ประเด็นข้อ (๑) นั้นเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทำหนังสือมอบอำนาจให้แก่โจทก์ เพื่อให้โจทก์มีสิทธิและอำนาจดำเนินการขุดแร่หรือโอนขายประบัตรและอื่นๆ ได้ทั้งสิ้นตามสัญญาขายสิทธิการทำเหมืองแร่ เช่นจำเลย ดังที่จำเลยได้เคยทำหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์ไว้แต่เดิม และขอให้เพิกถอนหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยมอบอำนาจให้นายวัฒนะมาเปิดทำการขุดหาแร่ในที่ประทานบัตรที่ขายให้โจทก์โดยไม่มีอำนาจและเป็นการไม่ชอบ อันเป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ดังนี้ คำฟ้องของโจทก์จึงมิใช่เรื่องขอให้บังคับเอาแก่ตัวทรัพย์หรือเหมืองแร่ที่โจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองสิทธิของโจทก์เลยและโจทก์ก็มิได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายมาด้วย เหมืองแร่ที่นายวัฒนะเข้าไปทำจึงไม่ใช่ตัวทรัพย์ที่พิพาทในคดีนี้ การที่ดจทก์มายื่นคำร้องว่านายวัฒนะผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยได้เข้าทำเหมืองแร่หาแร่ในที่ประทานบัตรที่จำเลยตกลงขายสิทธิให้โจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองสิทธิของโจทก์ จึงไม่ตรงกับการกระทำที่จำเลยถูกฟ้องซึ่งไม่เกี่ยวกับตัวทรัพย์หรือเหมืองแร่ หากการกระทำของนายวัฒนะและจำเลยอาจจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ในเวลาต่อไป ก็เป็นเรื่องนอกคำขอท้ายฟ้องคดีนี้ และศาลจะมีคำสั่งคุ้มครองสิทธิของโจทก์ให้กระทบกระเทือบถึงนายวัฒนะผู้ทำเหมืองแร่ อยู่ในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้อง ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและไม่มีโอกาสต่อสู้คดีหาได้ไม่ ศาลจึงไม่จำต้องรับคำร้องของโจทก์ไว้พิจารณา ไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาข้อ ๒ ต่อไป ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นให้ยกเลิกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยเข้าทำเหมืองขุดหาแร่ในที่ประทานบัตรรายพิพาท ซึ่งออกตามคำขอของโจทก์ในเหตุฉุกเฉินเสียนั้น ชอบแล้ว
พิพากษายืน.