โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 64 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 33และริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 64 วรรคหนึ่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้จำคุกคนละ 6 เดือนและปรับคนละ 6,000 บาท ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกคนละ4 เดือน และปรับคนละ 4,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ของกลางริบ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์และยื่นคำร้องว่า ปัญหาการริบทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 เป็นปัญหาข้อกฎหมายซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งคดี จึงขอให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ ประกอบมาตรา 15 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาภาค 4 ลักษณะ 1 อุทธรณ์ มาตรา 193 วรรคหนึ่ง มีบัญญัติเรื่องการอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งศาลชั้นต้นในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย โดยให้อุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ไว้โดยเฉพาะแล้วจึงจะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิมาอนุโลมบังคับใช้กับกรณีตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองดังกล่าวหาได้ไม่ ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำพิพากษาในส่วนที่เกี่ยวกับการริบรถยนต์ของกลางโดยตรงมายังศาลฎีกานั้น จึงเป็นการไม่ชอบเพราะเป็นการยื่นอุทธรณ์ข้ามลำดับของศาล ขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 193 วรรคหนึ่งดังกล่าว ศาลฎีกาไม่อาจวินิจฉัยให้ได้
พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกานั้นเสีย ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการส่งอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองไปยังศาลอุทธรณ์ที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาต่อไป