คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๔๒ ให้จำเลยชำระเงิน ๑,๐๒๕,๒๗๓.๙๗ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปีของต้นเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๒๐,๐๐๐ บาท
วันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๔๓ จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไปถึงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาอุทธรณ์ไปถึงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ ตามขอ
วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไปอีกถึงวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๔๓ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาอุทธรณ์ไปถึงวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๔๓
วันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๔๓ จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไปอีกถึงวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๔๓ โดยทนายจำเลยผู้ทำคำร้องขออ้างว่า เพื่อจะได้แจ้งวันครบกำหนดอุทธรณ์ให้ตัวจำเลยทราบ เพราะตัวจำเลยยังไม่ทราบวันครบกำหนดอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ได้อนุญาตขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยถึงวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๔๓ จำเลยยื่นคำร้องนี้เมื่อพ้นกำหนดเวลาอุทธรณ์ตามที่ศาลขยายให้ เหตุที่อ้างตามคำร้องมิใช่พฤติการณ์พิเศษและกรณีไม่มีเหตุสุดวิสัย ไม่อาจขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้ได้อีก ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
วันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๔๓ จำเลยยื่นอุทธรณ์ พร้อมยื่นคำร้องขอวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมบางส่วนก่อน โดยขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมส่วนที่เหลือออกไปถึงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๔๓
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าวของจำเลย และมีคำสั่งอุทธรณ์ของจำเลยว่า จำเลยยื่นอุทธรณ์เมื่อพ้นกำหนดเวลาที่ขยายให้ ไม่รับอุทธรณ์ คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า สำเนาให้โจทก์ จำเลยไม่นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมและเงินชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์คำสั่ง ให้รวมสำนวนส่งศาลอุทธรณ์โดยเร็ว
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วมีคำสั่งว่า จำเลยมิได้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นพร้อมกับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งอันเป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓๔ คำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยฉบับลงวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๔๓ จำเลยได้บรรยายถึงข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุที่จำต้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์และเหตุที่ทำให้จำเลยเข้าใจผิดพลาดในกำหนดวันครบอุทธรณ์ตามคำสั่งของศาลชั้นต้น จึงไม่ใช่คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ที่จำเลยต้องนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓๔ นั้น เห็นว่า แม้คำร้องของจำเลยจะได้บรรยายสรุปข้อเท็จจริงดังกล่าวมาด้วยก็ตาม แต่ข้อความแรกอันเป็นชื่อคำร้องนั้น จำเลยได้ระบุยืนยันว่าเป็นเรื่องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์เท่านั้น ข้อความอันเป็นส่วนเนื้อหาของคำร้องจำเลยก็มิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า เป็นการอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาอุทธรณ์แต่อย่างใด ทั้งคำขอบังคับจำเลยก็สรุปเพียงขอให้ศาลมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาเท่านั้น คำร้องอุทธรณ์ของจำเลยจึงแสดงโดยแจ้งชัดว่าเป็นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยฉบับลงวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๔๓ โดยมีข้อเท็จจริงในเรื่องเหตุจำเป็นต้องยื่นขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นและเหตุที่จำเลยเข้าใจผิดพลาดในกำหนดวันครบอุทธรณ์ดังกล่าวข้างต้นเพื่อประกอบการวินิจฉัยให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณา หาใช่เป็นการอุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาอุทธรณ์แต่อย่างใด จำเลยจึงต้องนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓๔ เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว จึงชอบที่ศาลอุทธรณ์จะยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งมานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.
นายไพฤทธิ์ เศรษฐไกรกุล ผู้ตรวจ
นางสาวอังคณา สินเกษม ย่อ
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นายชัยรัตน์ เบ็ญจะมโน ผู้ช่วยฯ/ตรวจ