โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันแทนกันโดยจำเลยที่ 3 เป็นผู้เปิดบัญชีในการสั่งซื้อเชื่อสินค้าจำพวกเครื่องสุขภัณฑ์ไปจากโจทก์เพื่อใช้ในการรับเหมาก่อสร้างหมู่บ้านระมิงค์ของจำเลยที่ 1 ยังค้างชำระราคาสินค้าของโจทก์อยู่48,226 บาท จำเลยได้ร่วมกันแทนกันออกเช็คชำระหนี้จำนวนดังกล่าวแต่โจทก์รับเงินตามเช็คไม่ได้เพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละห้าสลึงต่อเดือนในระหว่างผิดนัดแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 และ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 3 มิได้ร่วมกับตนหรือแทนตนในการสั่งซื้อสินค้าดังกล่าว แต่เข้ามาเกี่ยวข้องในฐานะผู้รับจ้าง จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิด ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม สามีโจทก์ไม่ได้ให้ความยินยอมในการมอบอำนาจฟ้องคดีโจทก์ จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน จำนวน 46,226บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยตั้งแต่วันออกเช็คแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยเสียดอกเบี้ยแก่โจทก์นับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค นอกนั้นยืนตามศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในข้อฟ้องเคลือบคลุมนั้น โจทก์ได้บรรยายฟ้องโดยแจ้งชัดถึงข้อเท็จจริงอันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างจำเลยทั้งสามว่าจะต้องร่วมกันรับผิดชำระหนี้ต่อโจทก์อย่างไร และในฐานะใด แม้จะมีข้อความตอนหนึ่งว่าจำเลยที่ 1 ได้สอดเข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจการของจำเลยที่ 1 ก็ตาม แต่เห็นได้ว่าเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อย ส่วนใหญ่ใจความเมื่ออ่านคำฟ้องโดยตลอดแล้วย่อมเป็นที่เข้าใจและเห็นได้ชัดว่า มีความหมายถึงจำเลยที่ 3นั่นเอง เป็นคำฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมและเป็นการนำสืบนอกประเด็นไม่
ส่วนประเด็นที่ว่าโจทก์เป็นหญิงมีสามี ๆ เพียงแต่ให้ความยินยอมให้โจทก์ฟ้องคดีได้เท่านั้น สามีไม่ได้ให้ความยินยอมในการมอบอำนาจให้นางสาวเสาวนิตย์ฟ้องคดีแทน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อโจทก์ได้รับความยินยอมจากสามีให้ฟ้องคดีได้แล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องคดีด้วยตนเองหรือจะมอบอำนาจให้บุคคลอื่นฟ้องคดีแทนตนได้ไม่จำเป็นต้องให้สามีลงชื่อให้ความยินยอมในใบมอบอำนาจซ้ำอีก
ส่วนข้อสุดท้ายที่ว่า หนี้ตามฟ้องไม่มีกำหนดเวลาชำระหนี้ โจทก์มิได้ทวงถามก่อนฟ้องคดีนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันและแทนกันสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ จำเลยที่ 3 ออกเช็คพิพาทชำระหนี้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์นำเช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ถือได้ว่าจำเลยทั้งสามผิดนัดทันทีที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสามให้ร่วมกันชำระหนี้ได้โดยไม่จำต้องบอกกล่าวทวงถามอีก ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน