โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย จำเลยได้ลงโทษทางวินัยโจทก์โดยไม่ชอบ ทำให้โจทก์ไม่ได้รับการพิจารณาจ่ายโบนัสประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ไม่ได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ และถูกย้ายไปทำงานด้านกฎหมายอันเป็นตำแหน่งหน้าที่ที่ไม่ตรงกับสายงานที่โจทก์ศึกษาคือด้านบัญชีและเคยทำงานตำแหน่งเจ้าหน้าที่ประจำส่วนหน่วยติดตามเงินกู้ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างในทางที่ไม่เป็นคุณแก่โจทก์ ขอให้ศาลพิพากษายกเลิกคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสอบสวน คำสั่งลงโทษโจทก์ฐานผิดวินัยและคำสั่งย้ายโจทก์ และให้ถือว่าโจทก์ไม่เคยกระทำผิดมาก่อน ให้พิจารณาจ่ายโบนัสประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๕ พิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ตามหลักเกณฑ์ที่จะได้รับและย้ายโจทก์กลับทำงานในตำแหน่งเดิม
จำเลยให้การว่า โจทก์มีกิริยาวาจาไม่สุภาพเป็นการผิดวินัย จำเลยจึงลงโทษตำหนิตามข้อบังคับของจำเลย คำสั่งลงโทษโจทก์ทางวินัยจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว และจำเลยมีอำนาจย้ายโจทก์ได้ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จ่ายโบนัสและขึ้นเงินเดือนเพราะโจทก์ถูกลงโทษทางวินัย และไม่ขยันหมั่นเพียร มาทำงานสายเสมอ ปฏิบัติงานล่าช้า ไม่อุทิศเวลาให้จำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า เมื่อผู้บังคับบัญชาถามโจทก์ว่า วันเสาร์นี้ว่างหรือไม่ จะให้พาชาวต่างประเทศไปชมโรงงาน ถ้อยคำของโจทก์ที่ตอบว่า ว่าง แต่ไม่ไป เพราะไม่ได้โอ.ที. อยู่บ้านทำบัญชีดีกว่า นั้น ว่าโดยปกติเป็นเพียงถ้อยคำที่โจทก์ปฏิเสธ แสดงเหตุแห่งการปฏิเสธ และแสดงว่าหากไม่ไปโจทก์จะได้ประโยชน์อะไรดีกว่าอันเป็นการแสดงความในใจของโจทก์อย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น ลำพังแต่กล่าวถ้อยคำเพียงเท่านี้หาใช่วาจาที่ไม่สุภาพเรียบร้อยไม่ เป็นแต่ขาดความสละสลวยไปบ้าง และขาดความแนบเนียนในการปฏิเสธเท่านั้น ส่วนกิริยาที่จะประกอบถ้อยคำอันจะทำให้เห็นเป็นว่ากิริยาวาจาไม่สุภาพเรียบร้อยนั้น ได้ความว่าปกติโจทก์เป็นคนพูดเสียงดัง การพูดเสียงดังอย่างเดียวจึงไม่เป็นกิริยาที่ไม่สุภาพ และไม่ประกอบวาจาตามที่กล่าวข้างต้นที่จะทำให้เป็นวาจาที่ไม่สุภาพเรียบร้อย ส่วนการตอบผู้บังคับบัญชาทันทีทันใดนั้น เห็นว่า เมื่อถูกถามโจทก์ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าไม่ไป ก็ควรที่จะตอบปฏิเสธเสียได้ในทันที ไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะรีรอหรือหาจังหวะในการตอบอยู่อีก เพราะโจทก์ถูกถามในขณะนั้นและสถานที่เช่นนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า กิริยาวาจาของโจทก์หาเป็นการไม่สุภาพเรียบร้อยอันจะเป็นการผิดวินัย แล้วถูกลงโทษตามข้อบังคับของจำเลยไม่ สมควรที่จะเพิกถอนคำสั่งที่ ๗๖/๒๕๒๕ ที่สั่งลงโทษโจทก์นั้นเสีย
คดีได้ความว่าโจทก์ไม่ได้รับการพิจารณาจ่ายโบนัส และไม่ได้รับการพิจารณาขึ้นเงินเดือนเพราะโจทก์กระทำผิดวินัยเพียงประการเดียว เมื่อฟังไม่ได้ว่าโจทก์กระทำผิดวินัยและคำสั่งลงโทษถูกยกเลิกแล้ว หลักเกณฑ์การพิจารณาจ่ายโบนัสและขึ้นเงินเดือนมีหลายข้อ ดังนี้ จึงมีหลักเกณฑ์ข้ออื่น ๆ อีกหลายข้อที่จำเลยยังไม่ได้พิจารณา ศาลจึงชอบที่จะพิพากษาให้จำเลยพิจารณาการจ่ายโบนัสประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๕ และพิจารณาการขึ้นเงินเดือนในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ เสียใหม่
ส่วนอุทธรณ์ข้อที่ว่าจำเลยย้ายหน้าที่การงานโจทก์เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง พิเคราะห์คำสั่งจ้างพนักงานทดลองแล้ว จำเลยมีอำนาจที่จะพิจารณาบรรจุและแต่งตั้งโจทก์ให้ไปดำรงตำแหน่งในส่วนงานต่าง ๆ ได้ตามความเหมาะสม หาได้จ้างโจทก์ในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจงไม่ ทั้งตามหนังสือสัญญาจ้างโจทก์ระบุว่า จำเลยมีสิทธิที่จะไม่บรรจุแต่งตั้งโจทก์ในตำแหน่งใดก็ได้ตามความเหมาะสม และตามข้อบังคับว่าด้วยการแบ่งส่วนงานก็หามีข้อห้ามมิให้จำเลยย้ายหน้าที่การงานโจทก์จากตำแหน่งหน้าที่เดิมแต่ประการใดไม่ การที่จำเลยย้ายโจทก์ครั้งนี้ได้ความว่าตำแหน่งใหม่เท่ากับตำแหน่งเดิม ค่าจ้างเท่าเดิมและมิได้ใช้ความรู้ความสามารถด้านกฎหมายปฏิบัติงานโดยเฉพาะ ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่ามิใช่เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง จำเลยมีสิทธิและอำนาจที่จะย้ายโจทก์ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสมนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนคำสั่งที่ ๗๖/๒๕๒๕ เรื่อง ลงโทษพนักงานฐานผิดวินัย ให้ถือว่าโจทก์ไม่เคยกระทำผิดวินัยมาก่อน ให้จำเลยพิจารณาการจ่ายโบนัสประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๕ และการพิจารณาขึ้นเงินเดือนในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ตามหลักเกณฑ์การพิจารณาทั้งสองนั้นใหม่ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง