โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าโกดังของโจทก์แล้วไม่ชำระค่าเช่าให้โจทก์ตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๐๑ ถึง พฤษภาคม ๒๕๐๒ รวม ๑๔ เดือน โดยจำเลยกลับไปชำระให้แก่นางเยี่ยมศรีผู้ซึ่งไม่มีสิทธิ โจทก์เรียกร้องให้จำเลยชำระแก่โจทก์ จำเลยกลับเกี่ยงให้ไปเรียกร้องเอาจากนางเยี่ยมศรี ขอให้บังคับให้จำเลยชำระค่าเช่า
จำเลยให้การว่าไม่ได้ผิดสัญญา จำเลยได้ชำระค่าเช่าให้นางเยี่ยมศรีโดยเชื่อว่านางบเยี่ยมศรีเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โกดังต่อจากโจทก์ ตามสัญญาขายฝากที่นางเยี่ยมศรีแสดงขอรับค่าเช่าจากจำเลย จำเลยได้รับหนังสือจากทนายโจทก์แจ้งให้ชำระค่าเช่าแก่โจทก์แต่เดือนมิถุนายน ๒๕๐๒ เป็นต้นไป และห้ามจำเลยชำระแก่นางเยี่ยมศรี ที่ชำระไปแล้วโจทก์จะเรียกจากนางเยี่ยมศรีเอง จำเลยจึงแจ้งแก่นางเยี่ยมศรี นางเยี่ยมศรีก็ตอบให้ส่งค่าเช่าแก่เขา จำเลยจึงแจ้งแก่โจทก์และขอให้ดำเนินการทางศาล ต่อมาศษลสั่งให้จำเลยวางเงินค่าเช่าต่อศาล จำเลยก็นำไปวางที่ศาลตลอดมา โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องคดี
จำเลยขอให้เรียกนางเยี่ยมศรีเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลอนุญาต
นางเยี่ยมศรีจำเลยร่วมให้การว่า ที่ดินพร้อมด้วยโกดังตามฟ้องจำเลยร่วมซื้อฝากไว้จากนายซิน โดยเสียค่าตอบแทนและสุจริต ซึ่งโจทก์ได้ฟ้องนายซินและจำเลยร่วมต่อศาลตามคดีแดงที่ ๑๔๙๗/๒๕๐๒ ขอไถ่ถอน และจำเลยร่วมได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นอยู่ โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท ขอให้ยกฟ้อง
ชั้นนัดพร้อม คู่ความแถลงข้อเท็จจริงต่อศาลในบางข้อ แล้วไม่ขอสืบพยาน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า การให้เช่าทรัพย์สินไม่จำต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เสมอไป เมื่อจำเลยทำสัญญาเช่ากับโจทก์ก็ต้องปฏิบัติตามสัญญาเช่านั้น คือ ชำระค่าเช่าแก่โจทก์ เมื่อจำเลยชำระค่าเช่าแก่จำเลยร่วมโดยไม่สอบถามโจทก์ก่อน จึงเป็นความประมาทเลินเล่อ ส่วนที่จำเลยให้การว่าหลังจากจำเลยชำระค่าเช่าแก่จำเลยร่วมแล้ว จำเลยได้รับหนังสือจากโจทก์ดังกล่าวแล้วนั้น ข้อนี้โจทก์หาได้รับข้อเท็จจริงนี้ไม่ จึงพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเช่าตามฟ้อง และให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยร่วมเสีย
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์ฎีกา
๑.ศาลฎีกาเห็นว่า
ที่โจทก์ฎีกาว่า ตามหนังสือของทนายโจทก์ลงวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๐๒ นั้น โจทก์เสนอให้จำเลยชำระค่าเช่าตั้งแต่เดือนมิถุนายน ๒๕๐๒ ให้โจทก์ แล้วโจทก์จะไม่เรียกร้องค่าเช่าก่อนนั้น (ที่จำเลยชำระให้แก่จำเลยร่วม และโจทก์มาฟ้องเรียกร้องในคดีนี้) โจทก์จะไม่เรียกร้องจากจำเลย แต่จะเรียกจากจำเลยร่วม เมื่อจำเลยไม่ชำระค่าเช่าตั้งแต่เดือนมิถุนายน ๒๕๐๒ ให้โจทก์ กลับนำไปวางศาล จึงต้องถือว่าข้อเสนอดังกล่าวถูกจำเลยบอกปัดและตกไป ค่าเช่าก่อนที่จำเลยนำมาวางศาลนั้น จำเลยต้องชำระให้แก่โจทก์นั้น เห็นว่าปราศจากคำให้การของจำเลยและคำแถลงการณ์ปิดคดีของโจทก์เอง (ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา) ความว่า เมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๐๒ จำเลยได้รับหนังสือจากทนายของโจทก์ แจ้งให้จำเลยชำระค่าเช่าโกดังแก่โจทก์แต่เดือนมิถุนายน ๒๕๐๒ เป็นต้นไป และห้ามชำระแก่นางเยี่ยมศรีจำเลยร่วม ส่วนที่ชำระไปแล้วก่อน ๆ นั้น โจทก์จะได้เรียกคืนจากนางเยี่ยมศรีเอง ดังนี้ ไม่อาจถือได้ว่าโจทก์ตั้งข้อแม้ไว้ว่าให้จำเลยชำระค่าเช่าตั้งแต่เดือนมิถุนายน ๒๕๐๒ ให้โจทก์ แล้วโจทก์จึงจะไม่เรียกร้องค่าเช่าเดือนก่อน ๆ จากจำเลยอีก
กับข้อที่โจทก์กำหนดให้จำเลยชำระค่าเช่าตั้งแต่เดือนมิถุนายน ๒๕๐๒ แก่โจทก์นั้น หาได้มีข้อความที่แสดงว่าต้องอาศัยซึ่งกันและกันไม่ ส่วนข้อที่จำเลยมิได้นำค่าเช่าชำระแก่โจทก์ตามที่ทนายโจทก์แจ้งไปนั้น ก็ได้ความว่าจำเลยนำไปวางศาลตามคำสั่งศาลในคดีที่โจทก์กับจำเลยร่วมกำลังพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดินและโกดังที่ให้เช่าอยู่นี้ ฎีกาข้อนี้ฟังไม่ขึ้น และเมื่อปรากฏตามหนังสือของทนายโจทก์สละสิทธิไม่เรียกร้องค่าเช่าก่อนวางศาลกับจำเลย โดยจะเรียกคืนจากจำเลยร่วมเองแล้ว โจทก์ก็ย่อมหมดสิทธิที่จะเรียกร้องเอากับจำเลย และโจทก์จะว่าการที่จำเลยได้ชำระให้จำเลยร่วมเป็นการชำระให้แก่ผู้ไม่มีสิทธิรับชำระไม่เป็นเหตุให้จำเลยพ้นความรับผิดต่อโจทก์ผู้ให้เช่าแล้วจะกลับมารื้อฟื้นเอากับจำเลยอีกย่อมฟังไม่ขึ้น
เมื่อวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นด้วยแล้ว พิพากษายืน