โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,364, 365(2), 80, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา4, 7, 55, 72, 78 และขอให้ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ส่วนของกลางให้ริบ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ลงโทษจำคุกจำเลยฐานบุกรุกมีกำหนด 1 ปีฐานมีลูกระเบิดขว้าง 2 ปี ฐานพยายามฆ่า 12 ปี รวมจำคุก 15 ปี คำรับสภาพของจำเลยชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 10 ปี ริบของกลาง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "...พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในวันเวลาเกิดเหตุจำเลยกับผู้เสียหายมีเรื่องทะเลาะกันที่บริเวณหน้าบ้านของผู้เสียหายจริง ปัญหาที่ว่าจำเลยได้กระทำความผิดดังโจทก์ฟ้องหรือไม่นั้น เห็นว่า สำหรับข้อหาฐานบุกรุก ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่ร้านห่างบ้านผู้เสียหายประมาณ 3 วาจำเลยซึ่งเมาสุราเดินผ่านมาได้พูดท้าทายให้ผู้เสียหายออกไปต่อยกับจำเลย แต่ผู้เสียหายเห็นว่าจำเลยเมาสุราจึงมิได้ตอบโต้และได้แนะนำให้จำเลยกับไปนอน จำเลยก็มิได้เชื่อฟังกลับเข้ามาต่อยผู้เสียหาย นางสำเนียง มาศิริ ภรรยาผู้เสียหายได้ยินเสียงโต้เถียงกันจึงมาเรียกให้ผู้เสียหายกลับบ้าน ผู้เสียหายกับนางสำเนียงเบิกความว่า จำเลยได้ถือมีดโกนติดตามผู้เสียหายกับนางสำเนียงไปและขึ้นบันไดบ้านของผู้เสียหาย ครั้นเมื่อนางสำเนียงร้องห้ามมิให้จำเลยขึ้นไป แต่จำเลยไม่ยอมเชื่อจนนางสำเนียงร้องบอกชาวบ้านให้ช่วยไปตามตำรวจ จำเลยจึงได้กลับไป ร้อยตำรวจโทวีระชัยกรานคำยี ได้ไปถึงที่เกิดเหตุหลังจากเกิดเหตุเล็กน้อยผู้เสียหายก็แจ้งต่อร้อยตำรวจโทวีระชัยทันทีว่า จำเลยใช้มีดโกนไล่ฟันข้อเท็จจริงจึงมีน้ำหนักและเหตุผลให้เชื่อได้ว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานนี้ดังโจทก์ฟ้อง ส่วนข้อหาในความผิดฐานมีลูกระเบิดไว้ในครอบครองและความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายนั้น ผู้เสียหายกับนางสำเนียงเบิกความว่า ก่อนจำเลยออกจากบ้านของผู้เสียหายจำเลยได้พูดขึ้นว่า เดี๋ยวพบกันซึ่งเป็นถ้อยคำที่จำเลยแสดงความอาฆาตผู้เสียหายอยู่ ประมาณ 10 นาทีต่อมา จำเลยได้กลับมาที่บ้านผู้เสียหายอีก นางสำเนียงจึงให้ผู้เสียหายหลบเข้าไปในบ้าน จำเลยปลดกระดุมเสื้อล้วงเอาลูกระเบิดออกมาถอดสลักแล้วขว้างไปบนบ้านของผู้เสียหายถูกถ้วยชามของผู้เสียหายแตกแต่ลูกระเบิดไม่ทำงานเมื่อขว้างแล้วจำเลยก็วิ่งหนีไป เมื่อร้อยตำรวจโทวีระชัยมาถึงที่เกิดเหตุก็เห็นลูกระเบิดตกอยู่ 1 ลูก และมีถ้วยชามแตกโดยผู้เสียหายแจ้งว่าก่อนเกิดเหตุได้โต้เถียงกับจำเลยและจำเลยใช้มีดโกนไล่ฟันผู้เสียหายจนต่อมาจึงเอาลูกระเบิดมาขว้าง หลังจากนั้นจำเลยได้หลบหนีออกจากบ้านของผู้เสียหาย ร้อยตำรวจโทกอบกิจจิตต์การุณราษฎร์ ได้สืบสวนติดตามจับจำเลยตลอดมาจนหลังเกิดเหตุประมาณ 2 ปีเศษ จึงจับจำเลยได้การหลบหนีของจำเลยจึงเป็นข้อพิรุธของจำเลยประการหนึ่ง ครั้นเมื่อร้อยตำรวจโทกอบกิจกับพวกจำเลยได้เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2527 จำเลยก็รับสารภาพทุกข้อหา ปรากฏตามบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.2 ในวันรุ่งขึ้นร้อยตำรวจโทรไชยยศจินดาทอง รองสารวัตรสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางขุนเทียนได้สอบสวนจำเลย จำเลยก็ยังคงยืนยันให้การรับสารภาพตลอดมา และให้การถึงลูกระเบิดของกลางไว้ด้วยว่าจำเลยได้เก็บไว้นายแล้วตั้งแต่จำเลยเป็นทหารเสือพราน ปรากฏตามบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาเอกสารหมาย จ.7 ต่อมาในวันที่ 27 มีนาคม 2527 ร้อยตำรวจโทไชยยศได้ให้จำเลยนำชี้ที่เกิดเหตุและถ่ายภาพการกระทำของจำเลยประกอบคำรับสารภาพ ปรากฏตามบันทึกการนำผู้ต้องหาชี้สองสถานที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพเอกสารหมาย จ.9 ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า จำเลยได้ให้กการรับสารภาพต่อพนักงานสอบสวนและนำชี้ที่เกิดเหตุด้วยความสมัครใจ ข้อนำสืบของจำเลยที่อ้างว่าพนักงานสอบสวนให้จำเลยลงชื่อโดยมิได้อ่านให้ฟังก็ดี และให้ลงชื่อไว้ในกระดาษที่มิได้พิมพ์ข้อความไว้ก็ดี ไม่มีน้ำหนักและเหตุผลให้รับฟังเป็นความจริงได้ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า จำเลยได้มีลูกระเบิดไว้ในครอบครัวโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และได้ขว้างลูกระเบิดเข้าไปในบ้านของผู้เสียหายจริง ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
สำหรับลูกรเบิดของกลาง พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางขุนเทียนได้ส่งให้ผู้ชำนาญการพิเศษ กองพลาธิการ กรมตำรวจตรวจพิสูจน์แล้วมีรายงานการตรวจพิสูจน์ตามเอกสารหมาย จ.3 ว่าเป็นลูกระเบิดกว้างชนิดสังหารแบบอเมริกันทางราชการทหารและตำรวจเรียกว่า ลูกระเบิดขว้างชนิดสังหารแบบ 88 บ. 67 แต่ลูกระเบิดของกลางอยู่ในสภาพใช้ทำการระเบิดไม่ได้เพราะชนวนเสื่อมคุณภาพร้อยตำรวจเอกคติ จันทร์สด ประจำแผนกวัตถุระเบิด กองกำกับการ 3กองพลาธิการ กรมตำรวจ ผู้ตรวจพิสูจน์เบิกความว่า ลูกระเบิดของกลางนี้จากการพิสูจน์ปรากฏว่าชนวนระเบิดใช้การไม่ได้เพราะเสื่อมคุณภาพและได้ทดลองถอดชนวนจากลูกระเบิดของกลางออกแล้วเอาชนวนไปทดลองปรากฏว่าชนวนเสื่อมคุณภาพ จากรายงานการตรวจพิสูจน์ของกลางประกอบกับคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกคติ จันทร์สด ผู้ชำนาญการพิเศษแสดงว่าลูกระเบิดของกลางไม่อาจที่จะเกิดระเบิดขึ้นได้เพราะเหตุชนวนเสื่อมคุณภาพ ซึ่งเป็นกรณีไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นวัตถุแห่งการกระทำความผิดได้และมิใช่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้โดยเหตุบังเอิญ แต่เป็นเรื่องที่ไม่อาจบรรลุผลได้อย่างแน่แท้เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 81 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ประกอบด้วยมาตรา 80 นั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษาแก้เฉพาะข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 81จำคุก 6 ปี คำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 4 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์"