โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันเวลาใดไม่ปรากฏชัด ระหว่างวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๐๘ เวลากลางคืนหลังเที่ยงติดต่อกับวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๐๘ เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยใช้ขวานทำร้ายนายสิงห์ บุญญาศรี กับพวกด้วยความทารุณโหดร้าย โดยเจตนาจะฆ่า ขอให้ลงโทษตามมาตรา ๒๘๘, ๒๘๙, ๘๐
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนโดยกระทำทารุณโหดร้าย และพยายามฆ่าคนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙, ๒๘๘, ๘๐ แต่ให้ลงตามมาตรา ๒๘๙ ซึ่งเป็นบทหนัก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดเมื่อวันเวลาใด ไม่ปรากฏชัด ระหว่างวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๐๘ เวลากลางคืนหลังเที่ยงติดต่อกับวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๐๘ เวลากลางคืนก่อนเที่ยงซึ่งเป็นที่เข้าใจว่าคิดแต่เวลาพระอาทิตย์ตกของวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๐๘ ไปจนถึงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นของวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๐๘ คือหมายถึงเวลากลางคืนของวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๐๘ ตลอดคืนนั้นเอง ซึ่งในการต่อสู้คดีของจำเลย จำเลยก็นำสืบว่า ในวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๐๘ ตั้งแต่เวลา ๑๗ นาฬิกา จำเลยไปเยี่ยมนายแสวงน้าเขยจำเลยซึ่งป่วยมีอาการปวดท้อง จำเลยอยู่บ้านนายแสวงจนถึงเที่ยงคืน จึงกลับไปอยู่บ้าน จำเลยมิได้ไปกระทำความผิด แสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีว่ากล่าวหาจำเลยกระทำผิดในวันเวลาใด สามารถนำสืบแก้คดีได้ถูกต้อง ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม และเห็นว่าที่ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยเป็นคนร้ายใช้ขวานฟันนายสิงห์กับพวกโดยจำเลยมีเจตนาฆ่าชอบด้วยรูปคดีแล้ว ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการกระทำโดยทารุณโหดร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ (๕) ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการที่จำเลยย้อนขึ้นไปฟันคอนายสิงห์ผู้ตายอีกครั้งหนึ่ง เมื่อนายสิงห์ครางขึ้น เป็นการฆ่าโดยทารุณโหดร้ายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ตามรายงานชันสูตรพลิกศพปรากฏว่านายสิงห์ผู้ตายมีบาดแผลที่คอ หลอดลมขาดเพียงแผลเดียว การที่จำเลยย้อนขึ้นไปฟันนายสิงห์อีกครั้งหนึ่ง จึงเป็นการฟันซ้ำที่แผลเดิม เพื่อจะให้นายสิงห์ถึงแก่ความตายเท่านั้น ยังไม่เข้าลักษณะที่เป็นการฆ่าโดยทารุณโหดร้าย ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าโดยทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ (๕) ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น จำเลยควรมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ และมาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ และมาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ ให้ลงโทษจำเลยตามาตรา ๒๘๘ ซึ่งเป็นกระทงหนัก