โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑, ๙๑ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓, ๗๘, ๑๕๗, ๑๖๐ และคืนรถของกลางให้แก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๙ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พุทธศักราช ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓, ๗๘, ๑๕๗, ๑๖๐ วรรคแรก เรียงกระทงลงโทษ ฐานขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๙ จำคุก ๓ ปี ฐานหลบหนีไม่ช่วยเหลือและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้จำคุก ๑ เดือน รถของกลางคืนให้แก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดฐานขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยขับรถบรรทุกสิบล้อหมายเลขทะเบียน ๗๐ - ๐๑๖๕ สกลนคร บรรทุกหินและทรายหนักประมาณ ๑๓ ตัน มาตามถนนสายบึงกาฬ พังโคน โฉบหน้าไปทางพังโคนด้วยความเร็วประมาณ ๗๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ครั้นถึงบ้านหนองจันทร์ซึ่งเป็นทางแยกทางร่วม สองข้างทางเป็นร้านค้า และบ้านคนอยู่อาศัยเป็นที่ชุมนุมชน ทั้งมีเด็ก ๆ วิ่งเล่นอยู่ข้างถนน จำเลยก็มิได้ลดความเร็วของรถลงแต่ประการใด ในพฤติการณ์เช่นนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยขับรถโดยประมาท เมื่อข้อเท็จจริงได้ความต่อไปว่า รถบรรทุกสิบล้อคันที่จำเลยขับชนเด็กชายแสบหรือสมชาย พันธ์สาย ซึ่งวิ่งตัดหน้ารถของจำเลยในระยะ ๔๐ เมตร ถึงแก่ความตาย คดีจึงมีปัญหาว่าการที่ผู้ตายถึงแก่ความตายเป็นผลมาจากการกระทำโดยประมาทของจำเลยหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า ถ้าจำเลยไม่ขับรถด้วยความเร็ว เมื่อจำเลยเห็นผู้ตายวิ่งข้ามถนนในระยะ ๔๐ เมตร จำเลยย่อมหยุดรถได้ทัน ดังนั้นการที่จำเลยขับรถชนผู้ตายถึงแก่ความตายจึงเป็นผลโดยตรงจากความประมาทของจำเลย ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าผู้ตายวิ่งตัดหน้ารถของจำเลยอย่างกระชั้นชิด ยากที่จำเลยจะหยุดรถได้ทันซึ่งเท่ากับว่าความตายที่เกิดขึ้นไม่ใช่ผลที่มาจากการกระทำโดยประมาทของจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าคดีไม่ปรากฏข้อเท็จจริงจากการนำสืบของฝ่ายใดว่า แม้จำเลยจะขับรถช้าโดยลดความเร็วของรถลงเมื่อผู้ตายวิ่งตัดหน้ารถของจำเลยในระยะที่กล่าวมาแล้วรถของจำเลยก็ต้องชนผู้ตายเพราะหยุดรถไม่ทันเช่นเดียวกัน ดังนั้นการที่รถของจำเลยชนผู้ตายจะถือว่าไม่ใช่ผลโดยตรงจากการกระทำโดยประมาทของจำเลยไม่ได้ จำเลยจึงมีความผิด
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น