คดี 2 สำนวนดังกล่าว ศาลรวมพิจารณาโดยโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองสำนวนว่าได้ร่วมกันปล้นทรัพย์และพยายามฆ่าผู้เสียหาย สำหรับนายนงค์จำเลยนั้นโจทก์ฟ้องในข้อหาครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกกระทงหนึ่ง ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองและเพิ่มโทษนายนงค์จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 กับให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ริบปืนและปลอกกระสุนปืนของกลาง ส่วนมีดเหน็บคืนเจ้าทรัพย์
จำเลยทั้งสองสำนวนให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่านายนงค์จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 1 วรรค 2 วรรค 3 วรรค 4,83, 92 กับต้องเพิ่มโทษอีก 1 ใน 3 แต่คำรับสารภาพของนายนงค์จำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ควรลดโทษให้ 1 ใน 3 เหตุเพิ่มโทษและลดโทษมีเท่ากัน จึงไม่เพิ่มโทษและไม่ลด คงให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 83 ซึ่งเป็นกระทงหนัก นายไวจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 1 วรรค 2 วรรค 3 และวรรค 4, 83 ให้จำคุกจำเลยทั้งสองไว้มีกำหนด 20 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน 4,125 บาทแก่เจ้าทรัพย์ มีดเหน็บของกลางคืนเจ้าทรัพย์ อาวุธปืนกับปลอกกระสุนปืนของกลางริบ คำขอโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์ว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าด้วย และนายไวจำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พยานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษนายไวจำเลยแต่เห็นพ้องกับศาลชั้นต้นที่ปรับบทลงโทษนายนงค์จำเลย พิพากษาแก้เฉพาะคดีที่นายไวเป็นจำเลยเป็นให้ยกฟ้องโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษนายไวจำเลยตามฟ้อง และฎีกาในข้อกฎหมายว่าการกระทำของนายนงค์จำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าด้วย
นายนงค์จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาวินิจฉัยฎีกาของนายนงค์จำเลยว่า ในชั้นอุทธรณ์นายนงค์จำเลยมิได้อุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงเฉพาะตัวนายนงค์จำเลยจึงยุติแล้วนายนงค์จำเลยฎีกาไม่ได้ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 628/2496ระหว่างอัยการจังหวัดเลย โจทก์ นายอ่อน แจ้งไพร กับพวกจำเลย จึงให้ยกฎีกาของนายนงค์จำเลย
สำหรับฎีกาโจทก์ที่ขอให้ลงโทษนายไวจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยศาลอุทธรณ์ว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่พอรับฟังลงโทษนายไวจำเลยแต่ที่ศาลอุทธรณ์ให้ริบอาวุธปืนลูกซองมีทะเบียนของนายไวจำเลยนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เพราะไม่ได้ความว่าปืนของกลางได้ใช้กระทำผิดจะริบเสียไม่ได้และที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษนายนงค์จำเลยในฐานพยายามฆ่าด้วยนั้น ศาลฎีกาเห็นว่านายนงค์จำเลยกับพวกสมคบกันมาปล้นทรัพย์ ไม่ได้ความว่าสมคบกันมาฆ่าผู้เสียหาย และตอนที่พวกจำเลยยิงนายสนั่นผู้เสียหาย นายนงค์จำเลยก็ไม่ได้ร่วมรู้เห็นเป็นใจในการที่พวกจำเลยยิงนายสนั่น จะถือว่านายนงค์จำเลยร่วมกระทำผิดฐานพยายามฆ่าคนด้วยกันไม่ได้
พิพากษาแก้เป็นไม่ริบอาวุธปืนลูกซองของกลางที่จับได้จากนายไวจำเลย นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์