โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 จำคุก 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องสรุปได้ว่า จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายโดยนำเช็คสั่งจ่ายเงินจำนวน 400,000 บาท มามอบชำระหนี้ให้ผู้เสียหาย และแจ้งว่าเช็คดังกล่าวมีนายอาทิตย์ เชิดไทยเป็นผู้สั่งจ่าย แต่ความจริงเป็นเช็คของจำเลยเอง นายอาทิตย์ไม่ได้เป็นผู้สั่งจ่าย ต่อมาธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คจำเลยได้ออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และโดยการหลอกลวงของจำเลยดังกล่าวทำให้ผู้เสียหายต้องสูญเสียสิทธิที่จะได้รับเงินชำระหนี้จำนวน 400,000 บาท จากจำเลย ฟ้องโจทก์เช่นนี้ไม่อาจเข้าใจได้ว่าหนี้ที่จำเลยนำเช็คมาชำระให้ผู้เสียหายนั้นได้เกิดขึ้นเนื่องมาจากการหลอกลวงของจำเลยและเป็นเหตุให้จำเลยได้ทรัพย์สินใดไปจากผู้เสียหายหรือเป็นหนี้ที่มีอยู่แต่เดิมแล้ว หากเป็นหนี้ที่มีอยู่แต่เดิม การที่จำเลยนำเช็คมาชำระหนี้แล้วธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินทำให้ผู้เสียหายไม่ได้รับชำระหนี้ก็จะเป็นกรณีผิดสัญญาทางแพ่ง ไม่ใช่กรณีที่จะถือว่าจำเลยได้ทรัพย์สินไปจากผู้เสียหาย ดังนี้เห็นว่า ฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายให้ปรากฏชัดว่าจากการหลอกลวงของจำเลย จำเลยได้ทรัพย์สินอะไรไปจากผู้เสียหายหรือทำให้ผู้เสียหายต้องถอนทำลายเอกสารสิทธิ์อันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ซึ่งเป็นสาระสำคัญที่จะต้องบรรยายมาในฟ้องพอสมควรที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) จึงลงโทษจำเลยตามฟ้องโจทก์ไม่ได้
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์