โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๕ ถึงวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๒๓ เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันโฆษณาหมิ่นประมาทโจทก์หลายครั้ง โดยลงพิมพ์ข้อความในหนังสือพิมพ์รายวันพิมพ์ไทยฉบับประจำวันที่ ๖ และ ๗ เมษายน ๒๕๒๓ เหตุเกิดที่เลขที่ ๘๑ ถนนราชวิถี ตำบลศรีภูมิอำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ทุกแขวงและทุกเขตในกรุงเทพมหานครตำบล อำเภอและจังหวัดอื่นทั่วประเทศไทยขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ พุทธศักราช ๒๔๘๔ มาตรา ๔, ๔๘ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓,๙๑, ๓๒๖, ๓๒๘ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ ๔๑ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๑๙ ข้อ ๗ และ ๘
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์คดีนี้เป็นการนำคดีเรื่องเดียวกับที่ศาลอื่นรับฟ้องไว้แล้วมาฟ้องอีก ต้องห้ามตามกฎหมาย มีคำสั่งไม่รับฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๒๓ (ก่อนยื่นฟ้องคดีนี้) โจทก์เคยฟ้องจำเลยทั้งสามต่อศาลแขวงพระนครเหนือในข้อหาหมิ่นประมาทศาลแขวงพระนครเหนือสั่งประทับฟ้องไว้แล้ว เห็นว่า คำฟ้องที่ยื่นต่อศาลแขวงพระนครเหนือ โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดระหว่างวันที่ ๕ ถึง ๗ เมษายน ๒๕๒๓ เวลากลางวันและกลางคืน ระบุสถานที่เกิดเหตุว่าเหตุเกิดที่แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานครแขวงและเขตอื่นในกรุงเทพมหานครตำบล อำเภอ และจังหวัดอื่นทั่วประเทศไทย ส่วนคดีนี้ก็บรรยายข้อความอย่างเดียวกันตลอดจนวันกระทำผิดและสถานที่เกิดเหตุตรงกัน คือนอกจากเลขที่ ๘๑ ถนนราชวิถี อำเภอเมืองเชียงใหม่แล้วยังระบุว่าทุกแขวงและทุกเขตในกรุงเทพมหานคร ตำบล อำเภอ และจังหวัดอื่นทั่วประเทศไทย ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นคำฟ้องเรื่องเดียวกันกับฟ้องที่ยื่นฟ้องต่อศาลแขวงพระนครเหนือไว้แล้ว ฟ้องของโจทก์จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๓(๑) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕
พิพากษายืน