โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อตึกแถวจากธนาคารเอเซีย จำเลยและบริวารเข้ามาอยู่โดยละเมิด ขอให้ขับไล่
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า มิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยเพิกเฉยให้เวลาล่วงเลยมาเดือนกว่า โดยมีเหตุผลเพียงว่าเป็นคนจีนอ่านหนังสือไทยไม่ได้ไม่เข้าใจในเรื่องคดีความ แต่จำเลยก็รับว่าได้ไปปรึกษาญาติ ๆ รับว่าจะไปปรึกษาทนายแล้วเงียบหายไปจำเลยรู้อยู่แล้วว่าศาลกำหนดให้ยื่นคำให้การภายใน 8 วัน เมื่อมีเหตุขัดข้องก็น่าจะรีบแจ้งให้ศาลทราบภายในกำหนดนั้น แต่จำเลยเพิกเฉยเสียไม่เอาใจใส่ต่อหมายศาล จนศาลนัดสืบพยานโจทก์ และเอาหมายไปปิดจำเลยก็ไม่มาติดต่อแสดงเหตุขัดข้อง จนต่อมาอีกครึ่งเดือนถึงวันสืบพยานโจทก์ จำเลยจึงได้ยื่นคำร้อง (ขอยื่นคำให้การ) พฤติการณ์เป็นเรื่องที่จำเลยไม่เอาใจใส่ต่อคดี เห็นได้ว่าการขาดนัดนั้นเป็นไปโดยไม่มีเหตุอันสมควร ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การนั้นชอบแล้ว
จำเลยฎีกาว่า จำเลยเช่าห้องพิพาทจากเจ้าของเดิม โจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์มา ก็ต้องรับโอนสิทธิการเช่าด้วย ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ตามกฎหมายโจทก์ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์จะต้องรับโอนสิทธิการเช่ามาด้วยก็ตาม แต่ไม่ปรากฏว่าการเช่าระหว่างจำเลยกับเจ้าของเดิมนั้นมีกำหนดเวลาประการใด เมื่อกรรมสิทธิ์ตกมาเป็นของโจทก์ โจทก์ได้บอกให้จำเลยมาทำสัญญาเช่าจำเลยไม่ยอมมาทำ โจทก์จึงบอกกล่าวให้ออกไปจำเลยก็ยังขืนอยู่ การที่จำเลยขืนอยู่ต่อไปจึงเป็นการละเมิดไม่ใช่อยู่โดยการเช่า โจทก์จึงฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายได้
พิพากษายืน