โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับนายจงรัก หนูหา ได้ร่วมกันกระทำความผิดด้วยการพรากผู้เสียหายอายุ 15 ปีเศษไปเสียจากบิดาเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วย จำเลยได้ให้ผู้เสียหายดื่มยาซึ่งทำให้มึนเมา อันเป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่นายจงรักพวกของจำเลยให้ใช้กำลังข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายและเป็นธุระจัดหาเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่น และเพื่อการอนาจารขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 86, 283, 284, 310,318, 83, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 3, 4 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2530 มาตรา 5, 7
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคแรก, 86, 283 วรรคสอง, 318 วรรคสาม, 83เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานสนับสนุนผู้อื่นให้ข่มขืนกระทำชำเรา จำคุก 5 ปี 4 เดือน ฐานร่วมกันเป็นธุระจัดหาเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่น จำคุก 12 ปี ฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร จำคุก 8 ปี รวม 3 กระทง เป็นจำคุก 25 ปี 4 เดือนลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสี่ คงจำคุก19 ปี ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในข้อหาสนับสนุนผู้อื่นให้ข่มขืนกระทำชำเราตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 86 จำเลยคงมีความผิดฐานร่วมกันเป็นธุระจัดหาเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่น จำคุก 12 ปี ฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร จำคุก 8 ปี รวม 2 กระทง จำคุก 20 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 15 ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้เสียหายได้ไปพบกับจำเลยและนายจงรักซึ่งเป็นสามีภริยาโดยได้นัดไว้ก่อนแล้วเนื่องจากจำเลยจะหางานให้ผู้เสียหายจำเลยและนายจงรักได้พาผู้เสียหายไปที่ห้องพักของบุคคลทั้งสองซึ่งอยู่ที่เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร เวลา19 นาฬิกา นายจงรักได้ซื้อข้าว 1 ห่อและน้ำ 1 แก้วมาให้ผู้เสียหายหลังจากที่ผู้เสียหายรับประทานอาหารและดื่มน้ำแล้วประมาณ5 นาทีก็หมดสติไม่รู้สึกตัว รู้สึกตัวอีกครั้งเวลาประมาณ 22 นาฬิกาพบว่านายจงรักกำลังข่มขืนกระทำชำเรา ผู้เสียหายจึงดิ้นรนแต่สู้แรงของนายจงรักไม่ได้ เมื่อสำเร็จความใคร่แล้วนายจงรักลุกขึ้นออกไปข้างนอก ขณะเดียวกันจำเลยซึ่งนอนอยู่บนเตียงได้เปิดม่านออกมาดูพอนายจงรักเข้ามาจำเลยได้ปิดม่านไว้ตามเดิมนายจงรักได้กอดปล้ำและข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่อีกครั้งหนึ่งโดยที่จำเลยไม่ได้ห้ามปรามขัดขวางนายจงรัก เห็นว่า การที่จำเลยและนายจงรักนัดพบผู้เสียหายก็เพื่อล่อลวงนำผู้เสียหายไปขายซ่องโสเภณี ตอนกลางคืนจำเลยให้ผู้เสียหายนอนห้องเดียวกับจำเลยและนายจงรัก หากจำเลยไม่ยินยอมให้นายจงรักสามีข่มขืนกระทำชำเราแล้ว นายจงรักก็ไม่มีทางที่จะข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายได้ เพราะคนทั้งสามนอนห้องเดียวกัน จำเลยอยู่ในฐานะที่ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นการที่จำเลยไม่ป้องปัดขัดขวางเป็นพฤติการณ์ที่ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำการด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่นายจงรักกระทำผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกายังไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น